แห่ร่วมงานแข่งขันว่าวไทย”คนรักษ์ถิ่น” ไทย-มาเลเซีย ร่วมแข่ง

วันที่ 2 ก.พ. 2567  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุพจน์ จิตร์เพ็ชร์ ท้องถิ่นจังหวัดยะลา เป็นประธานเปิดการจัดงานแข่งขันว่าวไทย “คนรักษ์ถิ่น” ประจำปี พ.ศ. 2567 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 สนามบินจันทรัตน์ (สนามบินเก่า)  ต.ยะรม  อ.เบตง  จ.ยะลา  โดยมีร้อยตำรวจเอกสิทธิพงศ์ เหมกุสุมา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลยะรม หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ อ.เบตง อ.ฮูลูเปรัค ประเทศมาเลเซีย สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลยะรม, กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านและผู้เข้าแข่งขันว่าวในจังหวัดชายแดนภาคใต้และประเทศมาเลเซีย เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก  ร.ต.อ. สิทธิพงศ์ เหมกุสุมา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลยะรม กล่าวว่า ว่าวเป็นการละเล่น และเป็นกีฬาที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายทั่วทุกภาคของประเทศ คนไทยรู้จักการเล่นว่าวมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยและสืบเนื่องมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ 4พระองค์ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเล่นว่าวได้ที่ท้องสนามหลวง ต่อมาในรัชกาลที่ 5ในปีพุทธศักราช 2449 ได้มีการจัดการแข่งขันว่าวจุฬาและว่าวปักเป้าชิงถ้วยทองคำพระราชทานที่พระราชวังสวนดุสิต โดยการแข่งขันนี้มีเป็นประจำทุกปี ซึ่งตามปกติฤดูกาลเล่นว่าวของคนไทยมักจะมีขึ้นระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนเมษายน เพราะจะมีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เรียกว่าลมตะเภาหรือลมว่าวพัดมาจากอ่าวไทยโดยการเล่นต้องหาช่วงเวลาที่มีอากาศดี ลมพัดอย่างสม่ำเสมอไม่แรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้ว่าวเสียการทรงตัวและขาดได้ จึงถือว่าการละเล่นว่าวเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน

 

 

นายกองค์การบริหารส่วนตำบลยะรม กล่าวอีกว่า องค์การบริหารส่วนตำบลยะรม ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการส่งเสริมและอนุรักษ์ประเพณีการเล่นว่าว และวัฒนธรรมอันเกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น จึงได้จัดงานแข่งขันว่าวไทย “คนรักษ์ถิ่น” ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชนได้เรียนรู้ ฟื้นฟู อนุรักษ์ และรักษาไว้ซึ่งประเพณี วัฒนธรรมอันดีงาม และภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่คู่กับชุมชนตำบลยะรมสืบไปสืบสานและอนุรักษ์ประเพณีการละเล่นและกีฬาว่าวไทย และส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชนได้มีการออกกำลังกาย และการเล่นกีฬา เสริมสร้างความรักความสามัคคีของคนในชุมชน ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และห่างไกลจากสิ่งอบายมุขและสิ่งเสพติด อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและนันทนาการ และส่งเสริมเศรษฐกิจของท้องถิ่น สร้างรายได้ให้กับชุมชนในตำบลยะรม

สำหรับการจัดงานแข่งขันว่าวไทยในครั้งนี้ มีผู้เข้าแข่งขันว่าวจากจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าร่วม โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ว่าวขึ้นสูง มีผู้เข้าร่วม จำนวน 240 คน และว่าวสวยงาม จำนวน 12 คน มีทั้งว่าววงเดือน ว่าวบูลัน ว่าวควาย ว่าวจุฬา ว่าวนก ว่าวปักเป้า ว่าวอีลุ้ม เป็นต้น โดยกติกาการประกวด ก่อนการแข่งขัน จะใช้วิธีจับฉลากประกบคู่ว่าวทุกตัว ว่าวที่แพ้จะตกรอบแข่งขันแบบแพ้คัดออกตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ในการแข่งขันว่าวแต่ละคู่ กำหนดผู้เข้าสนามแข่งขันได้ 2 คน (เจ้าของว่าว/ผู้ปล่อยว่าว) ในระหว่างการแข่งขัน กรณีเกิดว่าวตกหรือว่าวขาด ให้ปล่อยว่าวใหม่ได้ โดยกรรมการจะจับเวลาดูขันน้ำจมเป็นเกณฑ์มาตรฐานในการตัดสิน ส่วนผู้เข้าแข่งขันต้องมารอที่สนามแข่งขัน ก่อนกำหนด 10 นาที เพื่อเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เมื่อถึงเวลาแข่งขัน กรรมการเรียกชื่อหรือหมายเลขว่าว ให้รีบมาแข่งขันทันที หากเรียกครบ 3 ครั้งแล้วผู้เข้าแข่งขันยังไม่มา ณ จุดแข่งขัน จะถือว่าสละสิทธิ์ทันที และการตัดสินของคณะกรรมการ ถือเป็นที่สุด ซึ่งว่าวที่ส่งเข้าการประกวด ประเภทสวยงามแล้ว ไม่สามารถส่งเข้าแข่งขันว่าวประเภทขึ้นสูงได้ส่วนเกณฑ์การตัดสิน การแข่งขัน แพ้ – ชนะ 2 ใน 3 จะมีขันน้ำ เป็นเกณฑ์มาตรฐานการแข่งขันว่าวแต่ละคู่ กรรมการจะวัดระดับขันน้ำจมเป็นเวลามาตรฐานทุกสนาม


เจษฎา สิริโยทัย จ.ยะลา