สุดเข้มขลัง เกิดอัศจรรย์พระอาทิตย์ทรงกลด ระหว่างทำพิธีบวงสรวง ก่อนปลุกเสกเหรียญเจริญพร (ล่าง) หลวงปู่เฮง ปภาโส เกจิดังอีสานใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 2566 ที่วัดพัฒนาธรรมาราม หรือวัดบ้านด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้มีพิธีพุทธาภิเษก เหรียญพระเครื่องรุ่น”เจริญพร ”(ล่าง) หลวงปู่เฮง ปภาโส เจ้าอาวาสวัดพัฒนาธรรมาราม สมทบทุนสร้างมณฑลรูปเหมือนองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดหน้าตักกว้าง 7 เมตร  สูง 9 เมตร ไม่รวมฐานมณฑล การจัดสร้างเหรียญพระเครื่องรุ่น”เจริญพร (ล่าง)”โดย นายชนธนัสม์ ธีระสิริรัตน์ หรือ“กบบ่อวิน”ในช่วงเช้า เวลาประมาณ 11.09 น.ระหว่างมีพิธีพราหมณ์ บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้เกิดความอัศจรรย์ขึ้น คือเกิดปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ทรงกลด  แผ่วงแหวนรอบดวงอาทิตย์อย่างชัดเจนและสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ประชาชนที่มาร่วมพิธีต่างฮือฮาและพากันถ่ายรูปเก็บไว้ สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับผู้ที่มาร่วมงานเป็นอย่างยิ่งก่อนที่จะพบว่า มีประชาชนนักเสี่ยงโชค พากันมาส่องเลขธูป เพื่อนำเลขเด็ดไปเสี่ยงโชคในงวดที่จะถึงนี้กันอย่างคึกคัก  ซึ่งเลขธูปที่ปรากฏก็คือเลข 409นอกจากนี้นักเสี่ยงโชคยังจะนำเลขอายุครบ 8 รอบ 96 ปี ของหลวงปู่เฮงไปเสี่ยงโชคในงวดนี้อีกด้วย หลังจากงวดวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา วันเกิดหลวงปู่เฮง 11 สิงหา ได้ออกล่าง คือเลข 11 มาแล้ว

 

 

 

 

 

 

 หลังจากนั้นในช่วงบ่าย หลวงปู่เฮง ปภาโส เจ้าอาวาสวัดพัฒนาธรรมาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์  และหลวงตาแก่น คัมภีรมุนี เจ้าอาวาสวัดสุวรรณรัตน์โพธิยาราม ร่วมในพิธีพุทธาภิเษก  นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก เหรียญพระเครื่องรุ่น”เจริญพร ”(ล่าง) นั่งปรกอธิษฐานจิตอย่างเข้มขลังค์ ท่ามกลางประชาชนพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาและจากต่างจังหวัดที่มาร่วมพิธีและรอรับแจกเหรียญพระเครื่องนับพันคน

 

 

 

 

ภายหลังจากเสร็จพิธีทั้งหมด ทางวัดได้มีการแจกเหรียญวัตถุมงคลของหลวงปู่เฮง ปภาโส รุ่นเจริญพร ”(ล่าง)ที่แช่น้ำมนต์ตลอดกาลพิธีปลุกเสก จำนวน 3,000 เหรียญ ชาวบ้านนับพันคนต่างกรู แห่เข้าไปรอรับเหรียญด้วยความศรัทธาหลวงปู่เฮงเป็นอย่างยิ่ง แทบจะไม่พอกัน และมีเซียนพระจากทั่วทั้งประเทศไทย ไปรอรับซื้อหรือรับเช่าเหรียญที่แจกให้ประชาชนอยู่ที่ในวัดอีกด้วย โดยรับซื้อกันในราคาเหรียญละ100-200บาท ซึ่งหลังจากที่เซียนพระรับซื้อเหรียญแล้ว ก็จะนำไปปล่อยให้เช่าต่อในราคาที่สูงขึ้น ขณะที่ชาวบ้านบางคนก็เก็บเอาไว้เพื่อบูชา และคราวใดที่มีการปลุกเสกเหรียญพระเครื่องต่างๆก็จะมีประชาชนมารอรับแจกจำนวนมากทุกครั้งด้วยความศรัทธา และเป็นที่ต้องการของเซียนพระเป็นอย่างมาก ขณะที่บางคนก็เอาโค๊ตหมายเลขที่ตอกในเหรียญไปเสี่ยงโชคในงวดนี้อีกด้วย

สำหรับ เหรียญพระเครื่องรุ่น”เจริญพร”(ล่าง)หลวงปู่เฮง ปภาโส มีหลากหลายเนื้อให้เลือกบูชา อาทิ เนื้อทองคำ เนื้อเงินหน้าทอง เนื้อนวะ หน้ากากทองคำลงยาพื้นแดง เนื้อเงินลงยาพื้นแดง  เนื้อนวะหน้ากากทองคำลงยาพื้นแดง เนื้อแร่เหล็กน้ำพี้หน้ากากเงินเต็มแผ่น เนื้อทองแดงรมดำ เนื้อเงินบริสุทธิ์ เนื้อเงินลงยาพื้นแดง เนื้อมหาชนวน และเนื้อเงินหน้ากากทองคำ เป็นต้น  ซึ่งประชาชนที่สนใจสามารถโทรศัพท์สอบถามรายละเอียดและสั่งจองได้ที่ หมายเลข 095-897-9229 กบบ่อวิน

 

 

 

นอกจากนี้ในวันที่ 11 ส.ค.66 นี้จะมีพิธีเบิกเนตร มณฆลรูปเหมือนหลวงปู่เฮง ปภาโส องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งตรงกับวันเกิดหลวงปู่เฮงฉลองอายุครบ 8 รอบ 96 ปี อย่างยิ่งใหญ่ โดยรอบมณฑล จะมีรูปปั้นองค์พญานาคสององค์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอย่างสวยงามอีกด้วย

สำหรับหลวงปู่เฮง ปภาโส เจ้าอาวาสวัดพัฒนาธรรมารามหรือวัดบ้านด่านช่องจอม สิริอายุ 96 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น เทพเจ้าแห่งโชคลาภของแดนดินถิ่นอีสานใต้ วัดตั้งอยู่ที่ บ้านด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หลวงปู่เฮงฯเกิดเมื่อ เดือนสิงหาคม 2470 ปีเถาะ พ่อแม่เป็นชาวกัมพูชา แต่ได้อพยพมาอยู่ประเทศไทยในสมัยที่ฝรั่งเศสปกครอง โดยย้ายมาอยู่หมู่บ้านปราสาท ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ประกอบอาชีพทำนาทำสวน มีพี่น้องด้วยกัน 13 คน เป็นบุตรคนที่ 7 ที่หมู่บ้านปราสาท ในวัยเด็กอายุประมาณ 13-14 ปี พระอาจารย์เฉิด ธัมมกโร ลูกพี่ลูกน้องของหลวงปู่เฮง เดินทางธุดงค์มาจากประเทศกัมพูชา เข้ามาเยี่ยมญาติ พี่น้องที่ประเทศไทย บอกจะเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะไปได้ขอกับแม่ของท่าน โดยขอให้น้องไปด้วย และจะได้สอนให้ได้หัดเรียนเขียนอ่านหนังสือทำให้ได้ศึกษาอักษรขอมศาสตร์วิชาแขนงต่างๆ ตั้งแต่บัดนั้น ศึกษากับพระอาจารย์เฉิด พระพี่ชายและออกธุดงค์ไปด้วยเสมอ

 

 

 

 

 

 

 

 

จนอายุ 15 ปี ได้กลับมาบ้านและบวชเรียนเป็นเณร เรียนภาษาไทย ขอม และภาษาบาลี เพิ่มเติม สอบได้นักธรรมโท ครั้นอายุ 21 ปี ไปเป็นทหารที่กรมทหารม้า จ.ลพบุรี เลี้ยงม้าขี่ม้าอยู่ 3 ปี หลังปลดประจำการก็ท่องเที่ยวไปเรื่อย ช่วงชีวิตหนึ่งของท่านท่องเที่ยวไปทั่ว และไปอยู่ประเทศกัมพูชา จนกระทั่ง พ.ศ.2495 ได้ย้ายไปอยู่ จ.จันทบุรี มีโอกาสพบกับหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จึงตัดสินใจบวช หลวงพ่อคงได้ถ่ายทอดวิทยาคม อักขระเลขยันต์ ภาษาขอม เขียนผงลบผง สักยันต์ และคาถาต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะคาถาคงกระพันชาตรี ย่นระยะทาง มุ่งมั่นศึกษาจนมีความชำนาญ กระทั่งหลวงพ่อคงไว้ใจให้เขียนยันต์ อักขระแทน และเข้าร่วมปลุกเสกด้วย พ.ศ.2532 หลวงพ่อคงมรณภาพ จึงได้รับการแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดวังสรรพรสแทน แต่อยู่ได้เพียง 6 พรรษา ก็ขอลาออกและธุดงค์ไปเรื่อยๆ

 

กระทั่งกลับมาบ้านเกิดอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านด่านช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ จนถึงปัจจุบัน เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวอีสานใต้และชาวกัมพูชาแถบชายแดน ให้ความเลื่อมใสศรัทธา ด้วยเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมยามได้รับกิจนิมนต์ไปงานบุญต่างๆ ไม่เคยปฏิเสธ แม้ว่าอายุจะย่างเข้าสู่วัยชราและมีปัญหาด้านสุขภาพตามวัย อีกทั้งเมื่อท่านรับกิจนิมนต์แล้วท่านจะต้องเดินทางไปถึงสถานที่งานก่อนเป็นประจำ ส่วนกิจนิมนต์ในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ท่านต้อง เดินทางเข้าร่วมพิธีเสมอ แม้จะไกลหรือจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ก็มีความสุขที่ได้ปฏิบัติเช่นนั้น ศิษย์ผู้คอยดูแลปรนนิบัติก็ไม่สามารถ ทัดทานได้ ด้านวัตถุมงคลที่อธิษฐานจิตปลุกเสกนั้น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เล่าขาน ทำให้บรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องวัตถุมงคลต่างเสาะแสวงหามาบูชาครอบครองติดตัวเกียรติคุณบารมี รวมทั้งพุทธาคมและพลังจิตของท่าน ทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดสุรินทร์และแดนดินถิ่นใต้อีกด้วย.

 

 

 

 

ภาพ/ข่าว นพรัตน์  กิ่งแก้ว ผู้สื่อข่าว จ.สุรินทร์