จนท.บุกจับมอดไม้พะยูงชายแดน หลังเคยพาชาวเขมรมาลักลอบตัดไม้ ก่อนเพื่อนถูกจับ และหนีรอดไปได้ 3 คน ย่ามใจกลับมาตัดอีกครั้ง

เมื่อเวลา 23.15 น.ของคืนวันที่ 6 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ จากการสั่งการโดยนายรัฐพล บุญมี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ร่วมกับ จนท.ตชด.214 นำโดย ด.ต.สามทิศ ลาพันธ์  หน.หน่วยพิทักษ์ป่าเขาศาลา,จนท.ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.สุรินทร์,และ จทน.ทหาร ร้อย ร.222 พัน ร.22 กองกำลังสุนารี ได้ร่วมกันลาดตระเวน และดักซุ่ม เพื่อปราบปรามผู้ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ภายในป่าเขตรักษาพันสัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ทิศใต้ บ.กะเลงเวก ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน หลบหนีได้  1 คน ขณะกำลังใช้รถ จยย.บรรทุกไม้พะยูง คันละ 3 ท่อน3 คัน ประกอบด้วย นาย พิระเดช ทองแย้ม อายุ 35 ปี และนายวิสิชศักดิ์ ปุ่มแม่น อายุ 35 ปี และนายอี๊ด (ชื่อเล่นที่ยังหลบหนี) ทั้งหมดเป็นชาวบ้านกะเลงเวก ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ พร้อมไม้พะยูงของกลาง 9 ท่อน ความยาวแต่ละท่อนประมาณ 1.20 -1.50 เมตรเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40-50 ซ.ม.,รถจักรยานยนต์ 3 คัน เลื่อย 1 ปื้น,ไฟฉาย 2 อัน ,ปืนแก๊ปไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก ส่วนมูลค่าของไม้พะยูง หากส่งไม้ถึงมือนายทุนได้ จะมีราคานับแสนบาท

 

 

 

 

 

โดยผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพว่า ไม้พะยูงที่ตัดได้ จะนำไปขายให้นายทุน ราคา ก.ก.ละ 80 บาท และทุกครั้งที่เข้าไปตัดไม้ จะมีการเสพยาบ้า เพื่อให้มีแรงและกำลัง ซึ่งครั้งนี้ก่อนที่จะถูกจับกุมได้ ได้เสพยาบ้าไปแล้ว 2 เม็ด

 

 

จากนั้น จนท.ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งดำเนินคดีกับ จนท.ตำรวจ สภ.ดม ต.เทพรักษา อ.สังขะเพื่อดำเนินตดีตามกฏหมายในข้อหา ร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาติ มีไม้หวงห้ามยังไม่ได้แปรรูป โดยไม่มีรอยดวงตราค่าภาคหลวงหรือรอยดวงตรารัฐบาล ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติต่อไป  ส่วนของกลางไม้พะยูง ถูกนำไปเก็บรักษาไว้ที่เขตอนุรักษ์พันธุ์พืชและสัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ จ.สุรินทร์

 

 

 

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา นายพิระเดช  ทองแย้ม ผู้ต้องหา ได้เคยพาชาวกัมพูชา พร้อมพวกจำนวน 4 คน มาลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณป่าใกล้กำแพงวัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร (อะ-ตุน-ละ-ถา-นะ-จา-โร) ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ และถูก จนท.ชุดเดิมจับกุมได้  1 คน ส่วนนายพิระเดช ทองแย้ม ผู้ต้องหาในครั้งนี้ได้หนีไปได้พร้อมพวก 3 คน ก่อนจะย่ามใจ กลับมาก่อเหตุและถูกจับกุมได้ในครั้งนี้อีกครั้งดังกล่าว.

 

ภาพ/ข่าว นพรัตน์  กิ่งแก้ว ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ. สุรินทร์