เวลา 11:50 น. ของวันนี้ (26 มีนาคม 2566) เกิดอุบัติเหตุเรือโดยสารสองตอนวิ่งรับส่งผู้โดยสารจากท่าเรือขลุงมุ่งหน้าหมู่บ้านไร้แผ่นดินอำเภอขลุง ชนกับเรือประมงท้องถิ่นทำให้มีผู้เสียชีวิตทันทีหนึ่งรายบาดเจ็บอีก 2 ราย เรื่องราวถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 12:30น. นายสุรศักดิ์ แจ้งจุล ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าสาขาจังหวัดจันทบุรี ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรขลุง ว่าเกิดอุบัติเหตุเรือชนกัน สถานที่เกิดเหตุเลยสะพานท่าเทียบเรือขลุงไปประมาณ 200 เมตร ในพื้นที่หมู่ 10 ตำบลเกรียนหัก อำเภอขลุง หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุทันที พร้อมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอขลุง และเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรขลุง เบื้องต้นผู้ได้รับบาดเจ็บและเรือถูกเคลื่อนย้ายออกจากที่เกิดเหตุทั้งหมดแล้ว
บริเวณถ้าเทียบเรือพบเรือที่ประสบเหตุลำที่หนึ่ง เป็นเรือสองตอนติดเครื่องยนต์หางยาวสำหรับรับส่งผู้โดยสารไปหมู่บ้านไร้แผ่นดิน พบบริเวณด้านข้างเรือฝั่งซ้ายมีรอยถูกเฉี่ยวชนหลังคาผ้าใบพับหักลงมา มีคาบเลือดกระจายอยู่บนเรือจำนวนหนึ่ง
ส่วนอีกหนึ่งลำเป็นเรือไม้ของชาวบ้านติดเครื่องยนต์หางยาว (เครื่องยันม่า) สภาพเครื่องยนต์ตกน้ำแต่ขณะนี้ถูกคู่นำขึ้นมาไว้บนเรือแล้ว
ทราบชื่อผู้เสียชีวิต นางนาริสา เจิมขุนทด (อ.ไก่) อายุ 61 ปี
รายชื่อผู้โดยสารที่นั่งเรือมาทั้งหมด 6 คน
มาจากจังหวัดอุดรธานี 5 คน เป็นคนในพื้นที่อำเภอสอยดาว 1 คน ดังนี้
1. ผู้เสียชีวิต ชื่อ อ.ไก่ นางนาริสา เจิมขุนทด อายุ 61 ปี
2. นางทองฤทธิ์ พงษ์เมธา ป้าตุ๊ อายุ 63 ปี (ข้อมือซ้ายหัก อยู่ห้องฉุกเฉินขลุง)
3. นางวิยงค์ พงษ์เมธา ป้าน้อย อายุ 73 ปี (ส่งพระปกเกล้า เช็คสมอง)
4. นางสมพิศ พงษ์เมธา ป้าหน่อย อายุ 68 ปี
5. ร.อ.หญิง สมจิต จึงตระกูล อดีต ส.จ.จุ๋ม อายุ 62 ปี
6. นางสุจินดา พงษ์เมธา ป้าเตี้ย อายุ 64 ปี (ฟกช้ำตามไปพระปกเกล้า)
สรุปคนที่นั่งฝั่งซ้ายของเรือได้รับบาดเจ็บทั้งหมด คนที่นั่งฝั่งซ้ายหัวเรือเป็นคนแรกเสียชีวิต
จากการสอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ร.อ.หญิง สมจิต จึงตระกูล (อดีต ส.จ.จุ๋ม) อายุ 62 ปี เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนหน้านี้ตนเองอยู่บ้านที่อำเภอสอยดาว เพื่อนและญาติที่อยู่จังหวัดอุดรธานีให้มาหาเพื่อจะเดินทางลงไปท่องเที่ยวที่หมู่บ้านไร้แผ่นดิน อ.ขลุง โดยก่อนหน้านี้ได้แวะเที่ยวตามสถานที่ต่างๆมาก่อนแล้ว เวลาประมาณเที่ยงได้มารอลงเรืออยู่ที่ถ้าเทียบเรือ หมู่ 10 ต.เกวียนหัก อำเภอขลุง เมื่อเรือโดยสารเดินทางมารับตนเองพร้อมกับเพื่อนอีก 5 คน ได้ลงเรือ ในขณะที่เรือกำลังออก ตนเองพร้อมเพื่อนกำลังอยู่ระหว่างการใส่เชื่อชูชีพ เมื่อเงยหน้าขึ้นมา เรือก็ถูกชนแล้วยังไม่ทันตั้งหลัก
นายสัมฤทธิ์ จิตนาวาอายุ 39 ปี คนขับเรือโดยสารเล่าเหตุการณ์ว่าตนเองรับผู้โดยสารกำลังออกจากท่าเรือได้ประมาณ 200 เมตร จากนั้นมีเรือของชาวบ้านวิ่งตรงมาใส่ตนเองคาดว่าเรื่องของชาวบ้านน่าจะหลบร่องน้ำตื้นจึงหักเรือเข้ามาใส่จนทำให้เกิดอุบัติเหตุชนกัน เรื่องของชาวบ้านวิ่งมาไม่เร็วแต่เป็นเรือไม้ซึ่งมีน้ำหนักเยอะตนเองยังไม่ทันให้สัญญาณเนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก
นายศิลป์ ปลาทอง อายุ 54 ปี คนขับเรือประมง เล่าเหตุการณ์ขัดแย้งกันว่าตนเองขับเรือเลาะริมทุ่นมา ในทางตรง แต่เรือโดยสาร หักหัวเรือวิ่งพุ่งเข้ามาใส่ตนเอง
แล้วเร่งเครื่องใส่ทันที ในขณะที่เรือกำลังออกตัวและวิ่งช้าอยู่นั้นเหมือนคนขับกำลังมองอะไรอยู่ ตนเองพร้อมกับลูกชายจึงกระโดดลงน้ำ
นายสุรศักดิ์ แจ้งจุล ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าสาขาจังหวัดจันทบุรี
(สวมเสื้อกั๊กใส่หมวก) หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทางสำนักงานเจ้าท่าจะดำเนินการเรียกผู้ประกอบการโฮมสเตย์และรีสอร์ททั้งหมดรวมถึงผู้ประกอบการเดินเรือให้มาพูดคุย เรื่องการตระหนักรู้ก่อนออกจากท่าเรือควรมีการสอดส่องระวัง เรือที่วิ่งไปมาเพื่อไม่ให้เป็นการเสียสมาธิ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะผู้ขับเรือโดยสารที่อยู่ระหว่างการขับเรือออกจากท่ากำลังให้ผู้โดยสารสวมใส่เสื้อชูชีพโดยไม่ทันมองซ้ายมองขวาทำให้เรือประมงที่ขับมาพุ่งชน.. ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ขับเรือทั้งสองคนและสอบสวนพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดเพื่อหาข้อสรุปและ ดำเนินคดีตั้งข้อหากับผู้กระทำความผิดทั้งสองฝ่าย