จนท.บูรณาการกำลัง บุกรวบชาวกัมพูชา 3 ราย พร้อมของกลาง ขณะลักลอบตัดไม้พะยูง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทันฯ

วันนี้ (31 ส.ค.3566) เวลา 03.20 น. ที่ บริเวณป่าทิศเหนือหลักเขตแดนที่ 7 ใกล้พื้นที่ชายแดนไทย-ราชอาณาจักรกัมพูชา ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน ห้วยสำราญ ทับซ้อนเขตป่าไม้ถาวรป่าที่คณะรัฐมนตรี มีมติให้เก็บรักษาไว้ให้เป็นสมบัติของชาติ”ป่าห้วยสำราญ” เจ้าหน้าที่ได้ประสานกำลังกัน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน- ห้วยสำราญ จนท. ชุดหน่วยพิทักษ์ป่าเขาศาลา, เจ้าหน้าที่ขุดสายตรวจส่วนกลางฯ, เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปทส.กก.

สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์, เจ้าหน้าที่ร้อย ตชด. ที่ 214, เจ้าหน้าที่ทหารร้อย ร.222 พัน ร. 22,เจ้าหน้าที่ร้อย ฉก.ตชด. 217 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บัวเชด ได้ร่วมกันออกลาดตระเวน ใกล้พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้ยินเสียง มีการตัดไม้พะยูง ขณะเดินลาดตระเวนไปถึงบริเวณป่าทิศเหนือหลักเขตแดนที่ 7 เวลาประมาณ 23.30 น. คณะเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนได้ยินเสียงสับไม้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงได้ติดตามเสียงดังกล่าวไปจนถึง วันที่ 31 สิงหาคม 2566 เวลาประมาณ 03.30น. คณะเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนดังกล่าวพบกลุ่มบุคคลกำลังส่องไฟช่วยกันถากไม้คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเป็นพนักงานเพื่อเข้าจับกุม พอกลุ่มบุคคลดังกล่าวทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ได้พากันวิ่งหลบหนีคณะเจ้าหน้าที่วิ่งไล่ติดตามจับกุมตัวมาได้ 3 คน ต่อมาได้กระจายกำลังตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบไม้พะยูงถูกตัดโค่นล้มลงคาตอและถูกตัดทอน

 

 

ให้เป็นท่อนโดยใช้เลื่อยตัด จำนวน 36 ท่อน และไม้พะยูงแปรรูปโดยการใช้ขวานถากกระพืออกให้เหลือแต่แก่นจำนวน 26 ท่อน บางท่อนถูกมัดด้วยเชือกและใช้ผ้าผูกเป็นสายสะพายเพื่อเตรียมแบกออกจากพื้นที่ บริเวณใกล้กันคณะเจ้าหน้าที่ได้นำตัวชายทั้ง 3 คน ดังกล่าวมา สอบถามขณะทำการสอบถามโดยให้นายปองคุณ ทองแผ่น ตำแหน่งพนักงานพิทักษ์ป่า สามารถสื่อสารภาษากัมพูชา ได้อย่างดี เป็นล่ามแปลภาษาในการสอบถาม ขณะทำการสอบถามชายทั้ง 3 คน ไม่มีหลักฐานเอกสารใดมายืนยัน

 

 

 

 

โดยควบคุมตัว นายชัน อายุ 24 ปี บ้านสหกุม ตำบลตะเปียงไปรซ์ อำเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย นายเคน เฮด อายุ 25 ปี บ้านสหกุม ตำบลตะเปียงไปรซ์ อำเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย และเยาวชน อายุ 19 ปี บ้านสหกุม ตำบลตะเบียงไปรซ์ อำเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย เพื่อจะนำกลับไปขายยังฝั่งประเทศกัมพูชาในราคากิโลกรัมละ 25 บาท แต่มาถูกคณะเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน

ผู้ถูกจับกุมทั้ง 3 คน ยังให้การว่าพวกตนได้เสพยาไอซ์ก่อนจะเข้ามาหาตัดไม้ ซึ่งไม้พะยูงของกลางทั้งหมดพร้อมตรวจยึดไม้พะยูง (หวงห้าม) ของกลางและอุปกรณ์การกระทำผิดไม้พะยูงแปรรูปถากกลม จำนวน 26 ท่อน ปริมาตรรวม 0.352 ลบ.ม. ค่าภาคหลวงรวม 56.32 บาท ค่าความเสียหายของรัฐรวม 176,000 ไม้พะยูงท่อน จำนวน 10 ท่อน ปริมาตรรวม 1.331 ลบ.ม. ค่าภาคหลวงรวม 26.48 บาท หากสามรถนำลงไปขายในเขตประเทศกัมพูชา ได้ ก็จะขายได้ กิโลกรัมละ 25 บาท

 

 

 

ค่าความเสียหายของรัฐรวม 82,750 บาท รวมไม้พะยูงของกลางทั้งหมด จำนวน 36 ท่อน ปริมาตรรวม 0.983 ลบ.ม. ค่าภาคหลวงรวม 82.80 บาท ค่าความเสียหายของรัฐรวม 258,750 บาท ขวาน จำนวน 1 ด้าม ราคาประเมิน 100 บาท ไฟฉายคาดศีรษะ จำนวน 4 ดวง ราคาประเมิน 50 บาท เลื่อยตัด จำนวน 6 ขึ้น ราคาประเมิน 200 บาท กระเป๋าเปีสะพายหลัง จำนวน 3 ใบ ราคาประเมิน 30 บาท ในการจับกุม ผู้จับกุมได้แจ้งให้ผู้ถูกจับกุมทราบถึงสิทธิตามกฎหมายของประเทศไทย ดังนี้ ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะไม่ให้การหรือให้การก็ได้ ถ้อยคำของผู้ถูกจับนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะพบและปรึกษาทนายความ หรือผู้ซึ่งจะเป็นทนายความเป็นการเฉพาะตัว มีสิทธิให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากคำตนได้ในชั้นสอบสวน มีสิทธิแจ้งให้พนักงานแจ้งให้ญาติหรือผู้ไว้วางใจทราบถึงการถูกจับกุมและสถานที่ถูกควบคุมในโอกาสแรก ถ้าผู้ถูกจับกุมได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อกับญาติได้ตามสมควร เจ้าหน้าที่ผู้จับกุมได้ แจ้งให้ ผู้ถูกจับมีสิทธิ์ที่จะรับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดการเจ็บป่วย

 

 

 

โดยกล่าวหาว่าโดยกล่าวหาว่า ไม้พะยูงเป็นไม้หวงห้ามตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ที่แก้ไขเพิ่มเติมผู้ถูกจับกุม “ร่วมกันทำไม้ พะยูงหวงห้าม โดยมิได้รับอนุญาต”มาตรา 48 ฐาน “ร่วมกันแปรรูปไม้พะยูงหวงห้ามในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ และมี ไม้พะยูงหวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” มาตรา 65 ฐาน “ร่วมกันครอบครองซึ่งไม้พะยูงหวงห้าม ยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวง หรือ รอยตรารัฐบาลขายโดยไม่ได้รับอนุญาตทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้ หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาต” พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2512เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และพระราชบัญญัติยาเสพติด ฐาน ” เสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (สารไอซ์) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย” ก่อนนำตัวผู้กระทำผิดทั้ง 3 คน ส่งพนักงานสอบสวน ที่ สภ.บัวเชด อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป.

 

 

 

ทีมข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์ รายงาน