“บิ๊กต่อ” ติวเข้ม ผกก. ทั่วประเทศ ดูแลความปลอดภัยช่วงสงกรานต์

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมผู้กำกับการสถานีตำรวจ      ทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566

วันนี้ 31 มีนาคม 2566 เวลา 10.00 น.​ ณ ห้องประชุม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำกับดูแลงานป้องกันปราบปราม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์​ และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เรียกประชุมผู้กำกับการและหัวหน้าสถานีตำรวจทั้ง 1,484 สถานีทั่วประเทศ ผ่านระบบประชุมทางไกลผ่านจอภาพ เพื่อกำชับการดำเนินการตามมาตรการป้องกันปราบปรามในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566

ตามที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 27 มีนาคม 2566 ไปยังข้าราชการตำรวจทุกหน่วยทั่วประเทศ กำหนดมาตรการในการดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประกอบไปด้วย 4 มาตรการ ได้แก่ 1.มาตรการป้องกันและปราบปราม 2.มาตรการป้องกันเหตุการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3.มาตรการบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และ 4.มาตรการประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งสั่งการให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม – 10 เมษายน 2566 รวม 13 วัน โดยกำหนดเป้าหมายในความผิดเกี่ยวกับ อาวุธปืน      ยาเสพติด การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง การสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับ และความผิดอื่นๆ ที่สร้างความเดือดร้อนและเอารัดเอาเปรียบประชาชนและนักท่องเที่ยว

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ กล่าวว่า สำหรับเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ คาดว่าจะมีการเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวหนาแน่นและคึกคักกว่าเมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนสถานการณ์ COVID ในวันนี้จึงได้เรียกประชุม    ผู้กำกับการและหัวหน้าสถานีตำรวจทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ โดยกำหนดมาตรการที่จะดำเนินการ แบ่งออกเป็น ๓ ห้วง ได้แก่ ห้วงก่อนวันหยุดยาว ห้วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ และห้วงท้ายของเทศกาล ซึ่งจะมีรายละเอียดและการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แตกต่างกันออกไป

ยกตัวอย่าง ห้วงก่อนเทศกาล ขณะนี้ตำรวจทั่วประเทศได้เร่งระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท ซึ่งผ่านมาเพียง 2 วัน สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดต่างๆ ได้เป็นจำนวนมาก โดยแบ่งเป็น

อาชญากรรมทั่วไป จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 4,518 ราย แบ่งเป็นความผิดต่างๆ เช่น ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน จำนวน 284 ราย ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จำนวน 1,710 ราย ความผิดเกี่ยวกับการพนัน จำนวน 580 ราย บุคคลตามหมายจับ 957 คน

อาชญากรรมทางเทคโนโลยี จับกุมผู้ที่หลอกลวงบนโลกออนไลน์ จำหน่ายสินค้าผิดกฎหมาย เผยแพร่ข่าวปลอม การพนันออนไลน์และอาชญากรรมข้ามชาติ จับกุมผู้ต้องหากว่า 343 ราย เป็นต้น

โดยการระดมกวาดล้างดังกล่าว จะดำเนินการอย่างเข้มข้น ไปจนถึงวันที่ 10 เมษายน 2566

นอกจากนี้ในช่วงวันสงกรานต์ รวมทั้งช่วงท้ายของเทศกาลนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังที่แตกต่างกันออกไป เช่น การจัดกำลังเฝ้าระวังสถานการณ์ สถานที่สำคัญ สถานที่แหล่งท่องเที่ยว รวมไปถึงการจัดงานขนาดใหญ่ พื้นที่พักอาศัย หรือพื้นที่ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางพลุกพล่าน รวมไปถึงพื้นที่ซึ่งอาจสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมประเภทต่างๆ นอกจากนี้ยังได้ดำเนินโครงการประชารัฐร่วมใจดูแลความปลอดภัยบ้านประชาชนช่วงเทศกาลสำคัญ (ฝากบ้าน 4.0) โดยพี่น้องประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยว สามารถเข้าร่วมโครงการได้ระหว่างวันที่ 8-17 เม.ย.2566 ผ่านทาง Application OBS และที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ

“การประชุมวันนี้ ได้สั่งการไปยังทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ให้เตรียมความพร้อมการปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งแต่ละสถานีตำรวจจะมีภารกิจแตกต่างกันออกไปตามสภาพพื้นที่ บางพื้นที่มีภารกิจในการดูแลการจัดงานขนาดใหญ่ เช่น ถ.ข้าวสาร หรือ ถ.สีลม บางพื้นที่ที่มีบ้านเรือนประชาชนหนาแน่นจะต้องดูแลความปลอดภัยบ้านเรือนประชาชน บางพื้นที่มีภารกิจในการดูแลและอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชน เป็นต้น รวมทั้งยังได้สั่งการให้ หน่วยปฏิบัติการพิเศษทุกหน่วยซึ่งมีอยู่ทุกภาคทุกจังหวัดทั่วประเทศ กำหนดแผนและวงรอบการตรวจเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยและสนับสนุนการปฏิบัติร่วมกับตำรวจพื้นที่ รวมทั้งให้ทุกหน่วยใช้กิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน เพื่อแสวงหาความร่วมมือจากภาคประชาชนและส่วนราชการในพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในช่วงเทศกาล เช่น กิจกรรมบริจาคโลหิต การปรับปรุงภูมิทัศน์ การตรวจสภาพยานพาหนะ และการช่วยเหลืออำนวยความสะดวกหรือให้คำแนะนำกับประชาชน ด้วย” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ​ กล่าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และขอความร่วมมือจากประชาชนที่ใช้ยานพาหนะให้ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎจราจรโดยเคร่งครัด รวมทั้งขอเชิญชวนร่วมกัน “สืบสานสงกรานต์วิถีไทย ร่วมสานใจ สู่สากล” เพื่อตอกย้ำคุณค่าของประเพณีวัฒนธรรมไทย เพื่อให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้รับความสุขจากประเพณีสงกรานต์นี้