ตำรวจทางหลวงจับขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฏหมาย

สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล.ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อยู่บ่อยครั้ง พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ ผกก.1 บก.ทล., ,พ.ต.อ.สถิตย์ วิชัยกุล ผกก.ตม.พระนครศรีอยุธยา จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวนถึงเส้นทางที่มีการลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน โดยให้ ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.พระนครศรีอยุธยา สืบสวนในพื้นที่รับผิดชอบ

จนกระทั่งวันนี้( 6 มีนาคม 2567 ) เวลาประมาณ 17.00 น.ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) นำโดย ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.,ร.ต.อ.ประธาน จตุพันธ์ รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.,ร.ต.ท.วิรัตน์ ทองคำ รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.,ร.ต.ต.จินดา วิเศษ ภักดี รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.,ด.ต.สมศักดิ์ จันทาทอง ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.,ด.ต.ยศภัทร อินต๊ะ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.,ด.ต.วิชัย ตามสมัย ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.ได้สำรวจเส้นทางพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ ISUZU D-MAX สีขาว ทะเบียนหมายเลข 4ขว-9547 กรุงเทพมหานคร ขับขี่ผ่านมาโดยใช้ความเร็วสูงและมีน้ำหนักที่รถยนต์มากว่ารถยนต์ปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุดแต่เมื่อรถคันดังกล่าวพบเห็นรถยนต์ตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขับติดตามมา จึงได้ขับหลบหนีด้วยการเพิ่มความเร็ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับติดตามไปอย่ากระชั้นชิดจึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านอื่นให้ช่วยสกัดจับแต่เมื่อรถคันดังกล่าวนั้นไม่ยอมหยุดและหันหน้าเร่งเครื่องพุ่งเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะยืนปฎิบัติหน้าที่

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับขี่ติดตามไป โดยระหว่างทางได้ขับขี่รถคันดังกล่าวชนรถตรวจการของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้รับความเสียหายด้านท้ายรถยนต์ จนกระทั่งมาถึง บริเวณ กม.49-50 ทล.1 ถนนพหลโยธิน(ขาเข้า) ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะทางหลบหนีประมาณ 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนขอทำการตรวจสอบ

ต่อมาผู้ขับขี่ได้เปิดประตูรถยนต์และพยายามต่อสู้ใช้มือทั้ง 2 ข้างขัดขวางการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการสอบถามเบื้องต้นผู้ขับขี่เป็นเยาวชนอายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่อยู่ 49/1 หมู่ที่ 6 ต.เชียงทอง อ.วังเจ้า จ.ตาก โดยบรรทุกผู้โดยสาร จำนวน 9 คนมากับรถคันดังกล่าว ตำรวจจึงได้เชิญตัวมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.พระนครศรีอยุธยา นำโดย ร.ต.ท.วิชัย ท้าวทอง รอง สว.ตม.จว.พระนครศรีอยุธยา,ร.ต.ต.อรชุน วรธนกร รอง สว.(สส)ตม.จว.พระนครศรีอยุธยา,ด.ต.สิทธิชัย ศรีรัตนเพียร ผบ.หมู่.ตม.จว.พระนครศรีอยุธยา,ด.ต.นันทพัทธ์ บุญช่วย ผบ หมู่ ตม.จว.พระนครศรีอยุธยา พบว่า ผู้โดยสารที่โดยสารมากับรถคันดังกล่าว เป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใดแสดง โดยผู้ถูกจับนั่งโดยสารมาในรถยนต์คันดังกล่าว ผู้ขับขี่ให้การยอมรับว่า วันนี้ 6 มีนาคม 2567 เวลาประมาณ 09.00 น.ได้รับการประสานจากนายกฤษตนัย แซว่าง หรือนายเหย่ง ให้ไปรับแรงงานต่างด้าวจำนวน 8 คนพร้อมผู้ติดตามอีก 2 คน ที่ ต.นาโบสถ์ อ.วังเจ้า จ.ตาก เพื่อไปส่งที่ปลายทาง จ.พระนครศรีอยุธยา  โดยได้ค่าจ้าง 1,000 บาทต่อคน โดยให้การรับสารภาพว่าได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวบรรทุกแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาจริง และตนรู้ดีอยู่แล้วว่าแรงงานต่างด้าวทั้ง 9 คน ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง จนกระทั่งมาถูกตำรวจทางหลวงเรียก

โดยตนนั้นได้กระทำแบบนี้มาแล้ว 2 ครั้ง เงินค่าจ้างที่ได้มาจะนำไปเที่ยวและใช้จ่ายต่างๆ และรับว่าตนนั้นได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวได้ขับขี่หลบหนีด้วยความเร็วแซงซ้ายแซงขวารถคันอื่นมีการเปลี่ยนช่องทางเดินรถกะทันหันเป็นการขับขี่รถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่นและเฉี่ยวชนรถยนต์ตรวจการของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้รับความเสียหาย จริง และยินยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้กับรถยนต์ตรวจการของเจ้าหน้าที่ตำรวจและ สอบถามผู้ต้องหาต่างด้าว ผ่านล่ามแปลภาษาเมียนมาให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินข้ามมา ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพา เพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย โดยเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 12,000-17,000 บาท เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา และควบคุมตัวพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เกียรติยศ  ศรีสกุล ผอ.ข่าวเด่นทั่วไทย TOPNEWS ภาคกลาง