กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ, พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วงศ์ปกรณ์ เปรมกุลนันท์, พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ., ว่าที่ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว, พ.ต.ท.ภาสกร นภาโชติ, พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์, พ.ต.ท.ชวลิต น้ำใจสัตย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ภาสกร นภาโชติ รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ต.ประภาส วังงาม สว.กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.อ.สุริยน วิกยานนท์ รอง สว.กก.3 บก.ปอศ., ว่าที่ ร.ต.ท.ปัณณ์วิชญ์ สร้อยปลิว, ร.ต.ต.ไพโรจน์ รังสิวรารักษ์ รอง สว.(ป) กก.3 บก.ปอศ., จ.ส.ต.สุริยา ชินวงค์ และ ส.ต.อ.นคเรศ อุตสา ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอศ.
ได้ร่วมกันจับกุม 1. MR.LI อายุ 26 ปี สัญชาติ มาเลเซีย
2. MR.CHEONG อายุ 42 ปี สัญชาติ มาเลเซีย
3. น.ส.ณัฐนิช ฯ อายุ 30 ปี
โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนเอง หรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้ หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด”
พร้อมของกลาง 1. คอมพิวเตอร์ 33 เครื่อง
2. โทรศัพท์มือถือ 65 เครื่อง
3. สมุดบัญชีธนาคาร 84 เล่ม
4. บัตรกดเงินสด 13 ใบ
5. ซิมการ์ด 25 อัน
6. กระเป๋าแบรนด์เนม 15 ใบ
7. นาฬิกาแบรนด์เนม 7 เรือน
8. วัตถุคล้ายทอง 15 ชิ้น
9. รถยนต์ ยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-benz) 1 คัน
รวมมูลค่าของกลางทั้งหมด 8 ล้านบาท
สถานที่จับกุม คอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง ถ.พระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร และในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.3 บก.ปอศ. ว่าได้ถูกกลุ่มคนร้ายชักชวนผ่านเพจเฟซบุ๊กหลอกให้ลงทุนหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ โดยมีการแอบอ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการหุ้น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนชักชวนเข้าร่วมกลุ่มไลน์ VIP แนะนำการลงทุนในหุ้นต่างประเทศซึ่งมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือสูง และมีข้อมูลลับที่ใช้ในการลงทุน โดยให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน Nicshare (ซึ่งเป็นแอปปลอม) โดยช่วงแรกสามารถทำกำไรได้จริงและสามารถถอนเงินได้บางส่วน เพื่อตั้งใจให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินลงทุนเพิ่มอีกหลายครั้ง แต่เมื่อลงทุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ โดยกลุ่มคนร้ายอ้างว่าถ้าต้องการจะถอนเงินจะต้องการวางเงินประกันการลงทุนเพิ่มและจะต้องเสียภาษี 20% ของกำไร จึงจะสามารถถอนเงินได้ เมื่อผู้เสียหายทำตามที่คนร้ายบอก แต่ก็ยังไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ และยังมีการอ้างว่าผู้เสียหายจะต้องเสียค่าธรรมเนียม ค่าประกัน และค่าภาษีเพิ่มซ้ำ
ไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเมื่อตรวจสอบยังพบว่า แอปพลิเคชันดังกล่าว ไม่ได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่อย่างใด เบื้องต้นพบว่ามีผู้เสียหายกว่า 50 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเป็นเงินจำนวนกว่า 800 ล้านบาท