ผู้ตรวจการแผ่นดิน จัดงานสัมมนาโครงการ “ผู้ตรวจการแผ่นดินสัญจรพบประชาชน ครั้งที่ 52” จังหวัดนครพนม

วันนี้ (21 มีนาคม 2567) นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยรองศาสตราจารย์อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และพันตำรวจโท กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นำคณะลงพื้นที่จัดงานสัมมนาโครงการ “ผู้ตรวจการแผ่นดินสัญจรพบประชาชน ครั้งที่ 52” ระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในจังหวัดนครพนม เพื่อบูรณาการแนวทางการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและประชาชน ณ ห้องยามดีแกรนด์บอลรูม โรงแรมเวลาดี นครพนม จังหวัดนครพนม

 

 

 

 

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจในการแสวงหาข้อเท็จจริงจากคำร้องเรียนของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ และจากการหยิบยกเรื่องที่เห็นว่าส่งผลกระทบต่อสาธารณชนมาพิจารณาหาแนวทางแก้ไข เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชนที่อาจได้รับความเดือดร้อนเสียหายหรือความไม่เป็นธรรมจากการกระทำของหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึงเป็นหน่วยกลางในการเชื่อมประสานความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ ซึ่งการจัดสัมมนาผู้ตรวจการแผ่นดินสัญจรพบประชาชนในครั้งนี้ มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจถึงหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินและองค์กรอิสระอื่น ๆ ที่มีหน้าที่เชื่อมโยงกันแก่ผู้แทนกว่า 500 คน จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน ผู้นำท้องถิ่น และสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดนคพนม โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 09.15 น. มีนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ให้เกียรติกล่าวต้อนรับผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้เข้าร่วมสัมมนา จากนั้นเป็นพิธีเปิดโดยประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ต่อด้วยการบรรยายเรื่อง “หน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน” โดยรองศาสตราจารย์อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และการเสวนาในหัวข้อ “หน้าที่และอำนาจขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560” โดย นายพิทักษ์พล บุณยมาลิก เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายก้องเกียรติ แก่นทิพย์ ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน (สตภ. 5) ว่าที่เรือตรี ดิเรก สุขสว่าง ผู้เชี่ยวชาญด้านคดี สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายสมศักดิ์ วงศ์ราษฎร์ ผู้อำนวยการสำนักงานศาลปกครองอุดรธานี นายนิรุท สุขพ่อค้า ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดมุกดาหาร ร่วมเสวนาและดำเนินรายการโดย นายวทัญญู ทิพยมณฑา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำหรับในช่วงบ่ายเป็นการเสวนา “ผู้ตรวจการแผ่นดินกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ความไม่เป็นธรรมในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน และการสร้างเครือข่ายธรรมาภิบาลกับประชาชนในจังหวัดนครพนม” โดยประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการแผ่นดินทั้งสองท่าน นอกจากนี้ ในบริเวณงานสัมมนา ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ร่วมกับ 7 องค์กร ได้แก่ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลปกครอง ป.ป.ช. สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดนครพนม จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของแต่ละองค์กรและให้บริการปรึกษาข้อกฎหมายแก่ประชาชนด้วย

 

 

 

 

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การลงพื้นที่จัดโครงการระหว่างวันที่ 20 – 21 มีนาคมนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินยังได้ร่วมติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการศึกษาเรื่อง แนวทางการคุ้มครองและมาตรการเยียวยาผู้บริโภคแบบบูรณาการ โครงการศึกษาเรื่อง แนวทางในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะ และวัฒนธรรมของหน่วยงานของรัฐ และตรวจเยี่ยมโครงการเพิ่มทักษะด้านอาชีพแก่นักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ รวมทั้งการออกหน่วยบริการรับเรื่องร้องเรียนและให้คำปรึกษาปัญหาด้านกฎหมายด้วย ซึ่งมีพี่น้องชาวนครพนมมาปรึกษาและยื่นเรื่องร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่สอบสวนโดยตรงในกรณีต่าง ๆ เช่น สภาเกษตรกรจังหวัดนครพนมร้องเรียนกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมในการกู้ยืมเงินเพื่อการประกอบอาชีพจากธนาคารของรัฐ กรณีประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการใช้ถนนที่ไม่ได้รับการซ่อมแซมจากโครงการก่อสร้างฝายห้วยทวย กรณีการอนุญาตให้มีการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมในเขตพื้นที่อยู่อาศัยจนก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศ และกรณีสำนักงานที่ดินออกเอกสารสิทธิขอรวมโฉนดที่ดินล่าช้าหลังยื่นคำขอมากว่า 3 ปี ทั้งนี้ สำหรับท่านที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานแต่ต้องการร้องเรียน สามารถส่งเรื่องร้องเรียนมายังช่องทางต่าง ๆ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ ทั้งทางไปรษณีย์ถึงสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี ชั้น 5 เลขที่ 120 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1676 (โทรฟรีทั่วประเทศ) ทางอินเทอร์เน็ตที่ www.ombudsman.go.th ทางสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน “ผู้ตรวจการแผ่นดิน” และแอปพลิเคชันไลน์ (ID Line : @ombudsman) ซึ่งการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดินนั้น ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งสิ้น.

 

 

 

ข่าว/ภาพ​ ภัทรพล/ประทีป​ ผู้​สื่อข่าวภูมิภาค​นครพนม