คุก 6 เดือน เด็กแว้นเหิมทำร้ายตำรวจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงดาบเอาผิดทุกรายที่ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำหากขัดขืนคำสั่ง ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือไม่ให้ความร่วมมือ ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเด็ดขาด ล่าสุดศาลสั่งจำคุก 6 เดือน ปรับหนัก คุมประพฤติ 1 ปี เด็กแว้นทำร้ายตำรวจขัดขวางการปฏิบัติงานกลางสี่แยกไฟแดง

วันนี้ (28 มี.ค.67) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กรณีวัยรุ่นทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเข้าตรวจค้น ศาลสั่งจำคุก 6 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี คุมประพฤติ 1 ปี นั้น ได้รับรายงานว่า

เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2567 เวลาประมาณ 11.00 น. ขณะที่ ด.ต.ชวินณทรรศ ผดุงธรมมะสันติ ผบ.หมู่(จร.) สภ.ท่าพล จว.เพชรบูรณ์ กำลังปฎิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจร ได้มีนายอมร ฯ ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มีลักษณะพิรุธน่าสงสัย จึงได้แสดงตนและเรียกให้หยุด แต่นายอมรฯ ไม่ยอมหยุดรถและพยายามขับรถจักรยานยนต์หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขับติดตามไป เมื่อพบตัวนายอมรฯ ยังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ พร้อมทั้งขัดขืนและชกต่อย ทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันจับกุมตัว พร้อมตรวจยึดรถจักรยานยนต์ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหา “ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฏหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย” ต่อมา ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้พิพากษา นายอมรฯ จำคุก 6 เดือน ปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกรอ 2 ปี คุมความประพฤติ 1 ปี

 

นอกจากนี้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า หากมีการขัดขืนคำสั่ง ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ หรือไม่ให้ความร่วมมือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเด็ดขาด และขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนหากพบเห็นการกระทำผิดเกี่ยวกับการแข่งรถในทางหรือความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือที่ได้รับผลกระทบจากการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย รวมถึงการโพสต์ชักชวน เชิญชวน บนสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ และการรวมกลุ่มบนท้องถนน สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่พี่น้องประชาชน สามารถแจ้งเบาะแสเหตุได้ที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ศูนย์ข่าวภาคตะวันตก