เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิการ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขเชียงใหม่ (สสจ.เชียงใหม่) นายแพทย์บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และ นายดุสิต พงศาพิพัฒน์ หัวหน้า ปภ.เชียงใหม่ ได้ร่วมเปิดเผย ข้อมูล ของสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และวิธีการรับมือสถานการณ์ต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิการ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เกี่ยวกับสถานการณ์การเผาและการเกิดฟันการเกิดฝุ่นละออง เป็นสิ่งที่ทางจังหวัดให้ข้อมูลทุกวันอยู่แล้ว จึงจะขอสรุปสถานการณ์ ที่ยังคงสับสนอยู่ในทุกวันนี้ ซึ่งฝุ่นดังกล่าวได้ มีปริมาณสูงขึ้นตลอดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากที่เดือนมกราคมกุมภาพันธ์เราได้ควบคุมได้ ในระดับที่พอใจ โดยเฉพาะพื้นที่เกษตร ขอยืนยันว่าควบคุมได้ เกือบ 100% พื้นที่ในเขตเทศบาลและเขตเมืองสามารถควบคุมได้ 100% ซึ่งเราจะแก้ไปทีละส่วนของเมือง การเผาข้างทางถนนไม่มีเกิดขึ้น ในโรงงานอุตสาหกรรม ได้ ควบคุมไม่ให้เกิดควันขึ้นมา ในส่วนของการขนส่งได้มอบหมายให้ขนส่งจังหวัดไปควบคุมรถไม่ให้ปล่อยควันพิษขึ้นมา เมื่อเข้าสู่เดือนมีนาคมก็จะเข้าสู่พื้นที่ ท้าทายความสามารถของเราคือพื้นที่ป่า เดือนเมษายนก็เป็นพื้นที่ป่าตลอด จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ป่ามากที่สุดในประเทศไทย จังหวัดได้มีคำสั่งห้ามเผา แต่ก็รู้ว่า จะสามารถจัดการกับคนเผาได้มากขนาดไหน และมีมาตรการดึงคนในป่าให้ออกจากป่า หางานให้ทำ เดิมทีมีอยู่ 5,000 คนและนอกบัญชีอีกไม่รู้เท่าไหร่ ถึงมอบหมายงานให้ทำทั้งเป็นคนเฝ้าป่า คนดับไฟป่า หรือการฝึกอาชีพต่างๆ ทำให้มีปริมาณคนที่เผาป่าน้อยลงไปหลายพันคน แต่ก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลกำลังหางบประมาณมาเสริมเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังมีคนที่พูดไม่ฟังซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้ตั้งรางวัลนำจับโดยใช้เงินส่วนตัว และสามารถจับได้แล้วและ รับรางวัลนำจับไปแล้ว 5 คดี เพื่อเป็นการส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมาย แต่ก็ยังมีการเผาที่เพิ่มมากขึ้น นายแพทย์บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ มช. กล่าวว่า ข้อมูลของคณะแพทย์ศาสตร์ก็คงเป็นข้อมูลทางด้านวิชาการ เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กมาก มีผลต่อทั้งปอดหัวใจและอวัยวะต่างๆ PM 2.5 เป็นปัจจัยอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้ภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย เปลี่ยนแปลงไป ในส่วนที่ 2 คืออาจจะมีการ เปลี่ยนแปลงทางด้านพันธุกรรม PM 2.5 ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงได้ทั่วทั้งร่างกาย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสาร บางอย่างในร่างกาย วันนี้ในการเพิ่มขึ้นของ PM 2.5 ก็จะมีผลต่อร่างกาย อาทิเช่นการเพิ่มของปริมาณ PM 2.5 เพียงแค่ 10 ไมโครกรัม ก็จะทำให้มีอัตราการเพิ่มขึ้นของโรคหัวใจ และโรคอื่นๆที่จะตามมา รองศาสตราจารย์ นายแพทย์นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กล่าวว่า PM 2.5 เป็นโมเลกุล ขนาดเล็กมากเล็กกว่าเส้นผมสามารถไหลเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย จนถึงถุงลมเล็กๆในช่องปอดจนถึงขั้นทำให้ปอดอักเสบได้ และการป้องกันเรื่องผลไม่ใช่เรื่องง่ายต้องเป็นนโยบายระดับใหญ่ ซึ่งทั้งฝ่ายปกครองและภาครัฐได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ โรงพยาบาลสวนดอก ได้มีการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขทั้งการส่งต่อและการทำงานร่วมกัน รวมถึงการแชร์ข้อมูลร่วมกัน ส่วนการป้องกันนั้นทางโรงพยาบาล ได้คิดค้นตะกร้ากรองฝุ่นที่บ้าน ซึ่งวิธีการทำสามารถเข้าไปดูได้ใน YouTube ซึ่งสามารถ ใช้ตะกร้าฟอกฝุ่นช่วยเหลือในการกรองฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง ได้มีการเติมอากาศเข้าไป ในอาคารผู้ป่วยแต่ฝุ่นก็ยังเข้ามาได้ทางหน้าต่าง จึงได้นำเอามุ้งนาโน มาติดไว้ที่บริเวณหน้าต่าง ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้ามา ขึ้น