สืบนครบาล รวบ “เจมส์ตลิ่งชัน” โพสต์ขายปืนไทยประดิษฐ์ผ่านทางโซเชียล ตัดต้นเหตุอาชญากรรม

จากนโยบาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้เร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยปัจจุบันสถิติอาชญากรรมที่มีการใช้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนก่อเหตุอาชญากรรม มีเป็นจำนวนมาก เช่น คดีรวบ 14 โจ๋ทรงช่าง ยกพวกถล่มคู่อริ ดับ 1 เจ็บ 1 สั่งซื้อปืนมาจากโลกโซเชียล สืบนครบาลจึงขยายผลปราบปรามอย่างจริงจัง

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.67 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย ,พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท ณัฐวุฒิ สีเสมอ , พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. สั่งการให้ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.ฯ, พ.ต.ท.วุฒิพันธุ์ ผะอบทอง สว.กก.สส.2, พ.ต.ต.กิติพัฒน์ ใจอารีรอบ สว.ฯ, พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ จงเจริญ สว.ฯ, พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 4 ดำเนินการจับกุมตัว

นายอนุวัฒ ภิรมย์จันทร์ อายุ 22 ปีอยู่บ้านเลขที่ 51/11 หมู่ 2 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ

โดยกล่าวหาว่า “จำหน่ายอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”

พร้อมด้วยของกลาง
1.อาวุธปืน ( ประดิษฐ์ ดัดแปลงลำกล้อง ) ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก
2.ซองกระสุน จำนวน 1 ซอง

 

พฤติการณ์แห่งคดี ก่อนทำการจับกุมเจ้าพนักงานตำรวจ สืบนครบาลได้ออกติดตามสืบสวนหาข่าว เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดที่ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เป็นช่องทางในการติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฯ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา จากการขยายผลจากคดีที่ก่อเหตุจากอาวุธปืน คนร้ายใช้บัญชีเฟสบุ๊คในการขายอาวุธปืนฯ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ออกสืบสวนติดตามเรื่อยมา

ต่อมา พ.ต.ต.สมพร คำเกตุ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้มีสายลับเข้ามาพบและแจ้งว่า มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊คได้เสนอขาย อาวุธปืน ( ประดิษฐ์ ดัดแปลงลำกล้อง ) ขนาด .380 ในราคา 10,000 บาท โดยนัดหมายให้มารับ บริเวณลานจอดรถหน้าวัดปุรณาวาส แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ พ.ต.ต.สมพรฯ จึงรายงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อขออนุมัติในการล่อซื้อจับกุมผู้กระทำความผิดและได้วางแผนการล่อซื้อเพื่อทำการจับกุมผู้กระทำความผิด จึงได้ออกเดินทาง โดยก่อนออกเดินทาง เจ้าพนักงานตำรวจได้ทำการตรวจค้นตัวสายลับไม่พบสิ่งของที่ผิดกฎหมาย และได้มอบเงินล่อซื้อ ให้กับสายลับโดย พ.ต.ต.สมพรฯมอบให้เจ้าพนักงานตำรวจ นั่งเป็นผู้ขับขี่รถยนต์ไปกับสายลับเพื่อไปทำการล่อซื้ออาวุธจากนายอนุวัฒฯ

 

เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจเดินทางไปถึงบริเวณจุดนัดหมาย นายอนุวัฒฯ ได้เดินมาที่รถยนต์ของสายลับซึ่งมีเจ้าพนักงานตำรวจเป็นผู้ขับขี่ เพื่อทำการซื้อขายอาวุธปืนของกลางดังกล่าว เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นอาวุธปืนของกลางดังกล่าว เจ้าพนักงานตำรวจจึงมอบเงินที่ใช้ทำการล่อซื้อให้แก่นายอนุวัฒฯ เป็นจำนวนเงิน 6,500 บาท ส่วนที่เหลืออีก 3,500 บาท สายลับและเจ้าพนักงานตำรวจที่อยู่กับสายลับ ได้แจ้งกับนายอนุวัฒฯ ว่าจะโอนให้ และนายอนุวัฒฯ ได้รับเงินสดดังกล่าวไปแล้ว โดยเจ้าพนักงานตำรวจที่ทำการล่อซื้อได้ส่งสัญญาณให้เข้าทำการจับกุม เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าทำการจับกุมตัวนายเจมส์ ทราบชื่อจริงภายหลังคือนายอนุวัฒ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ แจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกจับกุมว่า“จำหน่ายอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืนไว้ในความครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจได้ควบคุมตัวนายอนุวัฒฯมายัง สน.ธรรมศาลา เพื่อสอบสวนขยายผลอาวุธปืน

ในชั้นจับกุมจากการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืน นายอนุวัฒน์ฯ ได้ให้การว่า ได้เสนอขายอาวุธปืนดังกล่าวจริง โดยเสนอขายในราคา 10,000 บาท

พล.ต.ต.ธีรเดช ฝากเตือนผู้ซื้อ-ขายปืนออนไลน์ มีความผิดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ผู้ซื้ออาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท ส่วนผู้ขายมีความผิดฐาน “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท

สมชาย จรรยา รายงาน