พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์ สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวเนื่องในวันสัปดาห์พะยูนแห่งชาติ ประจำปี 2567 ว่า ทุกวันที่ 17 สิงหาคมของทุกปี กำหนดให้เป็นวันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ และเป็นการระลึกถึงการจากไปครบรอบ 5 ปีของลูกพะยูนน้อยมาเรียมและยามีล รวมถึงสร้างความตระหนักในการฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลและแหล่งที่อยู่อาศัยของพะยูนให้สมบูรณ์ โดยวันนี้ (17 ส.ค. 67) ตนได้มอบหมายให้นายโกเมนทร์ ทีฆธนานนท์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่จังหวัดตรัง เพื่อเป็นประธานเปิดงานสัปดาห์วันพะยูนแห่งชาติ ประจำปี 2567 พร้อมร่วมพูดคุยและรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ สำหรับ “พะยูน” ถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ. 2562 ที่ทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกันดูแลอย่างจริงจัง ที่ผ่านมา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ทำงานเพื่อแก้ไขและฟื้นฟูเพิ่มจำนวนพะยูนในท้องทะเลไทยมาโดยตลอด ซึ่งภายหลังจากที่เข้ารับตำแหน่ง ตนพร้อมคณะได้มีโอกาสลงพื้นที่มายังบ้านเกาะมุกด์ จังหวัดตรัง เพื่อติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาหญ้าทะเลเสื่อมโทรม พร้อมรับฟังปัญหาของชาวบ้าน และมอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดตั้งวอร์รูมแก้ไขปัญหาพะยูน 11 จุดเสี่ยง ในพื้นที่ 3 จังหวัดทะเลอันดามัน พร้อมนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการสำรวจประชากรพะยูนและสัตว์ทะเลหายาก จากการรายงานของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบว่าปัจจุบันพะยูนมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 273 ตัว เป็น 280 ตัว ซึ่งการเพิ่มขึ้นของพะยูนนับเป็นความสำเร็จอย่างยิ่ง และได้มีการสานต่อแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติระยะที่ 2 ด้วยการเพิ่มโครงการศึกษาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม เพื่อสร้างแรงจูงใจในการอนุรักษ์พะยูนและหญ้าทะเล อีกทั้งใช้กลไกคณะกรรมการระดับจังหวัด เพื่อยกระดับการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผน การติดตามสถานภาพเฝ้าระวัง ศึกษาพฤติกรรมและถิ่นอาศัยของสัตว์ทะเลหายากอีกด้วย ทั้งนี้ การอนุรักษ์พะยูนนั้น สิ่งสำคัญที่ควรคำนึง คือ การสร้างการเรียนรู้ ความเข้าใจ และเห็นถึงความสำคัญของพะยูนรวมไปถึงระบบนิเวศหญ้าทะเล ซึ่งเป็นแนวทางที่จะก่อให้เกิดความร่วมมือในการอนุรักษ์ โดยเริ่มต้นจากประชาชนในพื้นที่ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ต่างรักและหวงแหนในทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นอย่างมาก สุดท้ายนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้พะยูนสูญพันธุ์จากท้องทะเลไทย จึงขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการนำเที่ยว ประชาชน และนักท่องเที่ยวให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ในการช่วยกันอนุรักษ์พะยูน รวมถึงประมงชายฝั่งให้งดเดินเรือในแหล่งหญ้าทะเล และหากจำเป็นต้องเดินเรือผ่านแนวเขตหญ้าทะเล และพื้นที่เสี่ยงในการอพยพเคลื่อนย้ายพะยูน ให้ใช้ความเร็วตามที่กำหนด เพื่อความสมบูรณ์ของพะยูนในท้องทะเลไทย และส่งเสริมการประกอบอาชีพของชุมชนชายฝั่งควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ โดยกระทรวง ทส. จะร่วมมือกับทุกฝ่ายดูแลรักษาพะยูนให้คงอยู่คู่กับท้องทะเลไทยสืบไป