HD_web_ข่าวเด่นทั่วไทย-03-removebackground

“ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรมเปิดมหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรมนราธิวาสครั้งที่ 2

วันที่ 17 ส.ค. 2567 ที่บริเวณลานพิกุลมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม “จังหวัดนราธิวาส โดยมี นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายกูเฮง ยาวอหะซัน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายเสกสรร สุขแสง อธิบดีกรมบังคับคดี นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ โฆษกพรรคประชาชาติ/สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นราธิวาส เขต 5 ข้าราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ประมาณ 2,500 คน เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ทั้งนี้ตามนโยบายรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาหนี้สินทั้งระบบให้กับประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน รัฐบาล ได้กำหนดแนวทางในการดำเนินการอย่างชัดเจน และบูรณาการ การทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้เป็นไป อย่างยั่งยืนและไม่กลับมาเป็นหนี้ซ้ำอีก และกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกรมบังคับคดี และสำนักงานยุติธรรมจังหวัดบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่าย ดำเนินการจัดโครงการ “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ขึ้น ซึ่งนับตั้งแต่กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ได้แก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ลูกหนี้กยศ.จะได้รับสิทธิประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมามีลูกหนี้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมปรับโครงสร้างหนี้เป็นจำนวนมากแต่แผนงานกำหนดจัดงานใน แต่ละพื้นที่กำหนดไว้เพียง 1 วันทำให้ไม่สามารถรองรับกับความต้องการของลูกหนี้ กยศ.ในพื้นที่ได้ทั้งหมด

สำหรับลูกหนี้ (กยศ.) ที่พลาดโอกาสเข้าร่วมงานมหกรรมแก้หนี้กระทรวงยุติธรรมในครั้งนี้ได้ให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กรมบังคับคดี สำนักงานยุติธรรมจังหวัดในพื้นที่ จับมือกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) อีกครั้ง โดยกำหนดจัดงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มเติม โดยจังหวัดนราธิวาส กำหนด จัดงาน ครั้งที่ 2 ในวันที่ 17-19 สิงหาคม 2567 ณ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราช นครินทร์ ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส มีลูกหนี้ กยศ. เข้าเกณฑ์ปรับโครงสร้าง 57,313 ราย โดยจัดงาน ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 มีลูกหนี้ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว จำนวน 2,153 ราย คงเหลือกว่า 55,160 ราย และมีลูกหนี้ กยศ. ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมงานในครั้งนี้แล้ว จำนวน 8,580 ราย สำหรับลูกหนี้ กยศ. ที่เข้าร่วมโครงการปรับโครงสร้างหนี้จะได้รับสิทธิ ประโยชน์ คือ ปลดภาระผู้ค้ำประกัน ผ่อนชำระรายเดือนสูงสุด 15 ปี ชำระเสร็จตามสัญญาลดเบี้ยปรับ 100 % ดอกเบี้ย 1 % เบี้ยปรับ 0.5 % กรณีผู้กู้ยืมที่ถูกบังคับคดี กยศ.จะแถลงของดการบังคับคดี ทั้งนี้หาก มีผู้มีส่วนได้เสียอื่นต้องได้รับความยินยอมจากผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย กรณีผู้ค้ำประกันถูกบังคับคดี กยศ.จะถอนการบังคับคดี

ทางด้านพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าในวันนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีแต่รัฐบาลก็ยังคงเป็นรัฐบาลชุดเดิม และนโยบายการลดภาระหนี้ครัวเรือนยังคงเป็นนโยบายหลักที่เรายังคงแก้ไข และสิ่งแรกคือเราจะลดภาระหนี้สินของประชาชนให้ประชาชนสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข การลดหนี้สินของประชาชนโดยหนี้ก้อนแรกที่จะต้องทำร่วมกันคือหนี้เรื่องการศึกษา เพราะหนี้เรื่องการศึกษาจะมีผลกระทบต่อหนี้อื่นๆ เนื่องจากหนี้เรื่องการศึกษาเป็นหรี้บุริมสิทธิ ถ้าเราถูกนายจ้างยึดเงินแล้วแล้วหนี้อื่นๆมันกระทบไปด้วย จึงกลายเป็นเรื่องเร่งด่วน และที่สำคัญหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต ซึ่งเป็นหนี้ที่เราไปเอาเงินด่วนมาแล้วเอาบัตรเครดิตมาใช้ล่วงหน้า ถึงแม้ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็จะสานต่อนโยบายทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคประชาชาติที่เข้าไปร่วมก็จะมี นโยบายเข้าไป ซึ่งเรื่องหนี้สินเป็นเรื่องสำคัญ และต้องลดค่าครองชีพค่าพลังงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ และลูกหนี้ กยศ.ก็จะสามารถไปสร้างความเจริญได้ และที่สำคัญคือเราอยากเห็นเป็นรูปธรรมทั่วประเทศวางแผนกับ กยศ.ได้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่โดยการปลดผู้ค้ำประกัน ซึ่งมีประมาณ 3 ล้านกว่าคนออก เพื่อคืนความสุขให้ ซึ่งในนราธิวาสมีลูกหนี้จำนวนเยอะ เนื่องจากช่วงที่ไปเรียนกรุงเทพฯแล้วกลับมา โดยหลังจากนี้เราจะมีจุดบริการที่อำเภอต่างๆทั้ง 13 อำเภอ จะไปปรับโครงสร้างหนี้ตามอำเภอเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนต่อไป และที่สำคัญคือเราจะต้องปลดคนที่ทุกข์กว่าเราคือคนที่อยู่หลังกำแพงคือคนที่ต้องราชทัณฑ์ซึ่งมีผู้ต้องราชทัณฑ์ที่เป็นหนี้ กยศ.เราก็จะมีการปลดหนี้ให้ด้วย ขณะที่นางสาวมารียา วานิ อายุ 39 ปี กล่าวว่าในการผ่อนจ่ายตอนนี้ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก จากเมื่อก่อนเราต้องจ่ายไปหักแต่เงินดอกเบี้ย ซึ่งตอนนั้นไม่มีกำลังใจที่จะจ่าย ซึ่งมันทำให้เราไม่อยากจะจ่าย ซึ่งตอนนี้ดอกเบี้ยแค่ 0.5% และยังให้เราชำระเป็นรายเดือนแล้วบอกเป็นยอดเงินว่าเราต้องจ่ายเท่าไหร่ และต้องขอขอบคุณโครงการดีๆแบบนี้ทำให้คนที่หมดกำลังใจในการจ่ายอยากจะมีกำลังใจในการจ่าย และไม่ต้องดำเนินคดีกับผู้ค้ำด้วย และไม่มีค่าปรับเหมือนก่อนแล้ว ซึ่งเมื่อก่อนที่เราจ่ายนั้นไปหาแค่ดอกเบี้ยแต่หากเงินต้นแค่นิดเดียวแต่ตอนนี้เมื่อเวลาเราจ่ายจะไปหักเงินต้นลดไปเลย


กรียา   เตะตานี /จ.นราธิวาส