ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ มอบอุปกรณ์กาย (ขาเทียม) เพื่อสร้างขวัญกำลังใจวีรชนทหารกล้า ย้ำพร้อมให้การสนับสนุนความต้องการของพื้นที่

ที่ห้องประชุมข้าวหอมมะลิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลวิทยาเขตสุรินทร์ พลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เป็นประธาน เปิดกรวยถวายราชสักการะ ในพิธี ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยมี นางอนุสรา โรจนประดิษฐ์ นายกสมาคม แม่บ้านองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.อ.จิรัฏฐ์ ช่วงฉ่ำ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี นายวสันต์ชิงชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ เข้าร่วม ในพิธี

จากนั้น พลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ได้เป็นประธาน มอบอุปกรณ์กาย และสิ่งของ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ ทหารผ่านศึกผู้พิการ จำนวน 10 ราย เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แด่วีรชนทหารกล้า พร้อมทั้งได้พบปะเครือข่ายทหารผ่านศึกในพื้นที่ทั้ง 17 อำเภอ ของจังหวัดสุรินทร์ จำนวน 500 นาย

ทั้งนี้ พล.อ.เดชนิธิศ ได้กล่าวขอบคุณทหารผ่านศึกทุกนาย ที่ได้เสียสละปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ พร้อมยังได้ร่วมพูดคุยสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มทหารผ่านศึก ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าช่วยเหลือสนับสนุนอุปกรณ์และการช่วยเหลือในด้านอื่นๆ เพื่อให้ทหารผ่านศึกได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และสุดท้ายได้ฝากถึงข้อห่วงใยต่อครอบครัวทหารผ่านศึกในเรื่องของยาเสพติด (ยาบ้า) ที่กำลังระบาดขณะนี้ และขอให้ทหารผ่านศึกทุกนายร่วมกันสอดส่องเป็นกำลังช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ขจัดภัยยาเสพติดร่วมกัน

โดยภายในงานยังมีกิจกรรมแสดงสินค้าจาก เครือข่ายทหารผ่านศึก วางจำหน่าย การบริการจากโรงพยาบาลทหารผ่านศึกออกบริการตรวจสุขภาพฟรี ทั้งนี้ สำนักงาน องค์การทหารผ่านศึกเขต สุรินทร์ ได้มีการประสานร่วมกับโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ในการ จัดหน่วย กายอุปกรณ์เคลื่อนที่ ตามนโยบาย ให้บริการแก่ทหารผ่านศึกพิการทุกคุณภาพ ซึ่ง ที่ผ่านมา ทหารผ่านศึกผู้พิการทุกชั้น บัตร ในพื้นที่ ที่มีความต้องการ สิ่งช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการได้เข้ามาใช้บริการ ในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงาน สงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตสุรินทร์ เป็นจำนวน 30 ราย จากพื้นที่รับผิดชอบของพนักงาน สงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตร้อยเอ็ดจำนวน 5 รายและจากพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานทหารผ่านศึกเขตนครราชสีมาจำนวน 17 ราย รวมทั้งสิ้น 52 ราย.