ตำรวจน้ำภูเก็ต ยืนยัน เรือของกลาง “โชคอามีรณ” ไม่ได้หายไปไหน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2567  พ.ต.อ.ธนวัฒน์ หิ้นยกฮิ่น ผกก.8 บก.รน. พร้อมด้วย พ.ต.ท.จิรยุทธ์ นิยมเดช สารวัตรตำรวจน้ำภูเก็ต แถลงข่าวกรณี ยืนยัน เรือของกลางยังอยู่ไม่ได้หายไปใหน หลังสื่อโซเชียลโพสต์ เรือของกลางที่ตำรวจสอบสวนกลาง จับดำเนินคดีหาย พบผู้กระทำความผิดนำเรือไปสวมทะเบียนและนำออกไปใช้โดยยอมเสียค่าปรับ เพราะมูลค่าของมากกว่าค่าปรับ และบทลงโทษมีแต่ปรับไม่มียึดหรือจำคุก โดยระบุว่า จากที่มีการโพสต์ดังกล่าวออกไป ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและมีการแสดงความคิดเห็นในสื่อโซเชียล จนทำให้เกิดความเสียหายกับทางราชการ เพราะจริงๆแล้วเรือของกลางยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้หายไปแต่อย่างใด

พ.ต.อ.ธนวัฒน์ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริง ว่า เรือของกลางที่ตำรวจสอบสวนกลางจับกุมนั้น เป็นเรือประมงชื่อ “โชคอามีรน” ซึ่งเรือลำดังกล่าว ยังจอดอยู่ที่ท่าเรือตำรวจน้ำภูเก็ต ติดกับท่าเรือรัษฎา ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ไม่ได้หายไปตามที่มีการนำเสนอในสื่อโซเชียลแต่อย่างใด โดยที่ผ่านมาทางตำรวจน้ำภูเก็ตได้มีมาตรการให้การดูแลเรือของกลางเป็นอย่างดี มีเรือตรวจการณ์ 522 จอดเทียบขนาบอยู่ตลอด มีกล้องวงจรปิดที่สามารถส่องเห็นเรือตลอดเวลา และมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจตราพร้อมกับถ่ายรูปที่ระบุวันเวลาไว้อย่างชัดเจน สามารถตรวจสอบได้ เรือลำดังกล่าวเป็นของกลางที่ตำรวจน้ำภูเก็ตต้องดูแลจนกว่าคดีจะสิ้นสุด โดยทางตำรวจน้ำภูเก็ตได้แจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.เมืองภูเก็ต ในข้อหาใช้เรือไร้สัญชาติ ปลอมแปลงทะเบียนเรือ ตาม พ.ร.ก.การประมง และนำใบอนุญาตเรือลำอื่นมาแสดงว่าเป็นเรือของตน ตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย และแจ้งความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต กำลังเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ

สำหรับเรือ โชคอามีรน ถูกจับกุมครั้งที่ 1 ในข้อหาทำประมงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำประมงในเขตทะเลชายฝั่งโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.ก.การทำประมง และได้ออกคำสั่งกักเรือไว้ที่ท่าเรือบ้านแหลมล้าน เกาะยาว จ.พังงา และได้ถูกจับกุมอีกครั้ง 2 ในข้อหาเดิม และสั่งกักเรือไว้เดิม พร้อมกับได้ร้องทุกข์กล่าวโทษไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงาน ฝ่าฝืนคำสั่งกักเรือ จึงได้มีคำสั่งให้นำเรือลำดังกล่าวกักไว้ที่ท่าเรือตำรวจน้ำภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.2567 และตำรวจน้ำภูเก็ต ได้ร่วมกับทางเจ้าท่าภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบจนพบว่า เรือลำดังกล่าวมีการสวมทะเบียนเรือโชคอามีรน ซึ่งจดทะเบียนที่ จ.สตูล แต่เรือลำนี้สสมทะเบียนทำประมงอยู่ในพื้นที่พังงาและภูเก็ต

 

จิระชัย เกษมพิมลพร /จ.ภูเก็ต