จากกรณีที่กลุ่มผู้รับเหมาโรงกลั่น TOP โครงการพลังงานสะอาด CFP (Clean Fuel Project )โรงกลั่นน้ำมันใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่เกิดจากการรวมตัวของ 24 บริษัทผู้รับเหมาช่วงไทยซึ่งได้รับผลกระทบจากการค้างชำระเงินค่างวดงานนานกว่า 7-8 เดือน ของบริษัทผู้รับเหมารายใหญ่ชาวต่างชาติ ได้แสดงพลังเดินเท้ากว่า 3,000 คนไปยื่นหนังสือร้องขอความเห็นใจเจ้าของโครงการพลังงานสะอาดฯ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา
ก่อนจะพากันเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อศูนยดำรงธรรมจังหวัดชลบุรี เพื่อให้ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและผลักดันให้บริษัทรับเหมาต่างชาติ ให้ยินยอมจ่ายเงินค้างค่างวดรวมหลายพันล้านบาท เนื่องไม่ต้องการเลิกจ้างแรงงานกว่าหมื่นคนนั้น
วันนี้ ( 28 ต.ค.) นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้เรียกประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมหาทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของกลุ่มบริษัทฯ ผู้รับเหมาช่วง 24 บริษัท กรณีไม่ได้รับค่าตอบแทนตามสัญญา (โครงการพลังงานสะอาด Clean Fuel Project: CFP)ณ ห้องประชุม Ballroom โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สวีท ศรีราชา แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
โดยมี นายชัยพร แพภิรมย์รัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด , อัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและบังคับคดีจังหวัดชลบุรี,ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี,ตรวจคนเข้าเมือง ,สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานชลบุรี,จัดหางานจังหวัดชลบุรี,พาณิชย์จังหวัด ,พลังงานจังหวัด ,แรงงานจังหวัดชลบุรี และนายอำเภอศรีราชา, ตัวแทนจากบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และตัวแทนกลุ่มผู้รับเหมาช่วงไทย เข้่าร่วม
แต่กลุ่มบริษัท UJV ที่ประกอบด้วย บริษัท Saกาsung E&A (Thailand) Petrofac South East Asia Pte. Ltd, ua: Saipem Singapore Pte. Ltd, กลับไม่เข้าร่วมการประชุมและได้ทำหนังสือชี้แจงเหตุผลต่อศูนย์ดำรงธรรมชลบุรี ว่า กิจการร่วมค้า UJV ได้ทำสัญญากับผู้รับเหมาช่วงแต่ละรายแยกต่างหากจากกัน
ซึ่งข้อกำหนดตลอดจนเงื่อนไขและลักษณะของงานตามสัญญารวมทั้งปัญหาและข้อขัดข้องตลอดจนการตรวจรับงานจากผู้รับเหมาช่วงแต่ละรายมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน จึงทำให้การพิจารณาจัดการปัญหาตามข้อเรียกร้องของผู้รับเหมาช่วงจะต้องพิจารณาและแก้ไขปัญหาเป็นราย ๆ ไป โดยไม่อาจดำเนินการรวมกันหรือแก้ปัญหาทั้งหมดได้โดยการเจรจากับผู้รับผู้รับเหมาช่วงทุกรายพร้อมกันไปในคราวเดียวได้
และยังอ้างว่า ปัจจุบันกิจการร่วมค้า UJV ได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและยินดีที่ที่จะติดต่อและทำความเข้าใจกับผู้รับเหมาช่วงแต่ละรายโดยตรงเพื่อจัดการปัญหาตามข้อเรียกร้องตามข้อกำหนดในสัญญาว่าว่าจ้างผู้รับเหมาช่วง
ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว กิจการร่วมค้า UJV จึงไม่อาจเข้าร่วมการประชุมในวันที่ 28.ต.ค.67 ได้ แต่มีความยินดีที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงและหรือจัดส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้แก่จังหวัดชลบุรีตามที่ต้องการต่อไป
โดย นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เผยหลังการประชุมว่าจุดประสงค์ของการเรียกประชุมทุกหน่วยงานในวันนี้ก็เพื่อพิจาราณาถึงแนวทางแก้ไขปัญหาให้กับบริษัทผู้รับจ้างช่วงที่ UJV ไม่จ่ายเงินค่าตอบแทนจนทำให้มีแรงงานได้รับความเดือดร้อนมากกว่า 1 หมื่นคน ซึ่ง UJVทำสัญญาคู่กับไทยออลย์และทำสัญญาต่ออีก 40-50 บริษัท และไทยออยล์ ได้จ่ายเงินไปแล้วแต่ทาง UJV ไม่ยอมไปจ่ายเงินต่อ ซึ่งในที่ประชุมมีการพูดคุยว่าจะทำอย่างไร เพราะ ไทยออยล์ ได้จ่ายเงินไปหมดแล้ว 5 พันกว่าล้าน แต่กลับไม่นำไปจ่ายบริษัทรับช่วงต่อ
” วันนี้ได้ให้ทีมกฏหมายของ ไทยออยล์ นำสัญญามาดูซึ่งสัญญาเป็นสัญญาต่างประเทศที่ต้องไปอ้างอิงกับกฏหมายประเทศอังกฤษ การขึ้นศาลจึงยุ่งยาก จึงต้องรีบเพราะแรงงานจะไม่มีข้าวกินแล้ว และหลังจากนี้จะเรียกประชุมแต่ละบริษัทผู้รับเหมาช่วงกับ UJV เพื่อสรุปความเสียหายของแต่ละบริษัทซึ่งหากเคลียร์กันได้ก็เป็นการดี แต่ถ้าเคลียร์ไม่ได้ก็คงต้องใช้กฏหมายไทยเข้าดำเนินกาที่อาจใช้ข้อหาฉ้อโกง เพราะทาง ไทยออยล์ จ่ายเงินหมดแล้วซึ่งก็ต้องคุยเป็นเคสๆไปและผมจะเป็นประธานการประชุมเอง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาให้ทันท่วงที”ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าว
ด้าน นายฉัตรมงคล เขมาภิรัตน์ กรรมการบริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด หรือ SCC เผยว่าผลการประชุมในวันนี้เป็นที่น่าพอใจและขอขอบคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่เข้าใจถึงปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดกับบริษัทรับเหมาช่วงไทยและกลุ่มแรงงานกว่าหมื่นชีวิตที่ในวันนี้อาจตกงาน เพราะหลายบริษัทใหญ่เริ่มเกิดประสบปัญหาสายป่านขาด บางบริษัทต้องปลดพนักงาน
และหากสุดท้ายกลุ่ม UJV ยังยื้อที่จะชำระค่างวดคงค้างก็คาดว่าไม่ถึงสิ้นปีนี้อาจจะมีการเลิกจ้างพนักงานและแรงงานเป็นจำนวนมาก และสิ่งที่ตามมาคือปัญหาผลกระทบทางสังคมอย่างรุนแรง