กรมการปกครองสั่งสอบกำนันเอื้อประโยขชน์นายทุนรับรองเท็จ

วันที่ 8 พ.ย. 2567 นายสิทธิพร กำลังมาก ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ต.เขาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้เปิดเผยว่า ตนและนายจำรูญ เกิดดำ ประธานเครือข่ายอนุรักษ์พื้นที่อ่าวไทย – อันดามัน ได้เดินทางไปยังสภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือต่อนายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล เลขานุการคณะ กมธ.การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอให้ตรวจสอบอำนาจรัฐในการดูแลรักษาพื้นที่ป่าไม้ที่ดินสาธารณประโยชน์ โดยในหนังสือระบุว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 67 นายณรงค์ฤทธิ์ กำลังมาก นายก อบต.เขาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ได้มีหนังสือเชิญหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้ที่ดินสาธารณะประโยชน์ เนื้อที่ประมาณ 630 ไร่ ในพื้นที่ ม. 3 4 5 และ 7 ต.เขาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ที่ถูกนายทุนเหมืองแร่ดีบุก บุกรุกและทำประโยชน์จากการปลูกปาล์มน้ำมัน รวมทั้ง มีที่ดินบางส่วนจากเนื้อที่กว่า 3,000 ไร่ ถูกออกเอกสารสิทธิทับโดยมีทั้งชื่อนายทุน และตัวแทนถือแทน คงเหลือพื้นที่เพียง 630 ไร่ ที่ถูกประชาชนในพื้นที่คัดค้านมาตลอด แต่จากการนัดหมายเพื่อเข้าตรวจสอบที่ดินดังกล่าวปรากฏว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ไม่มาตามนัดหมายคงมีแต่หน่วยงานอื่น ๆ และเมื่อเริ่มประชุม ปรากฏว่าเจ้าหน้าแจ้งว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าไม้ เมื่อเจ้าภาพหลักคือกรมป่าไม้ไม่มาร่วมตรวจสอบจึงไม่สามารถดำเนินการได้ จึงมีเหตุอันสงสัย ดังนี้ 1. ประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 47 ยังบังคับใช้หรือไม่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจหรือไม่ประการใดในการรักษาพื้นที่ป่าไม้และที่ดินสาธารณประโยชน์ 2. ถ้าองค์การบริหารส่วนตำบล มีอำนาจแล้ว สามารถที่จะเรียกร้องให้หน่วยงานอื่น ๆ เข้าช่วยเหลือหรือไม่ หรือต้องรอเพียงเจ้าพนักงานป่าไม้หรือเจ้าหน้าที่ป่าไม้เพียงหน่วยงานเดียว 3. เหตุใดหน่วยงานอนุรักษซึ่งหมายถึงป่าไม้ จึงไม่ให้ความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดูแลรักษาที่ดินป่าไม้ 4. ขอให้คณะ กมธ.ลงพื้นที่เพื่อหาทางหามาตราการในการอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าไม้ หรือหากหมดสภาพป่าแล้วช่วยดำเนินการให้ประชาชนผู้ยากจนเข้าใช้พื้นที่ด้วยประการใดก็ได้ แต่ไม่ควรให้นายทุนครอบครองเอาเปรียบสังคม 5. ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมเจ้าหน้าที่รัฐที่มีพฤติการณ์ช่วยเหลือนายทุนบุกรุกที่ดินรัฐ 6. ประเด็นอื่น ๆ ที่คณะ กมธ.เห็นชอบว่าพื้นที่ป่าไม้ในพื้นที่ ต.เขาน้อย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ควรจะดำเนินการ

โดยทางกลุ่มคาดหวังว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องอำนาจหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งหน่วยงานอื่น ๆ ควรหาทางแก้ไขร่วมกัน และขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง กมธ.เดินหน้าต่อสู้เพื่อให้ผู้ยากไร้ที่ยังไม่มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยสามารถดำเนินชีวิตและมีที่ดินในการประการอาชีพ  นายสิทธิพร กล่าวว่า ได้เดินทางไปยังกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ด้วย เนื่องจากเคยได้ร้องเรียน ว่าผู้นำท้องที่รายหนึ่งซึ่งดำรงตำแหน่งกำนัน ได้ใช้อำนาจหน้าที่รับรองเท็จให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่ เอื้อประโยชน์ให้นายทุน โดยที่ส่วนบริหารงานกำนันผู้ใหญ่บ้าน กรมการปกครอง ได้ ลงรับหนังสือเลขที่ 785 ลงวันที่ 24 กันยายน 2567 และมีหนังสือลับ แจ้งไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราชให้พิจารณาสอบสวนตามหนังสือร้องเรียนดังกล่าว และรายงานผลให้กรมการปกครองทราบ

นายเลาฟั้ง เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการร้องเรียนเกี่ยวกับนายทุนที่ครอบครองที่ดินและเคยได้สัมปทานแต่หมดอายุแล้ว โดย คณะ กมธ.การที่ดินฯ ถือว่าเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญ พื้นที่เหล่านี้หลังจากหมดอายุสัมปทานควรคืนให้กับรัฐเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป และสำหรับพื้นที่ที่ไม่มีสภาพเป็นป่าแล้วควรจะจัดสรรให้กับประชาชนในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน ทั้งนี้ กมธ.จะรับเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาไต่สวนและมีมติในที่ประชุมแล้ว หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด จะส่งเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะเดียวกันยจะส่งเรื่องให้กระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้นอาจจะใช้ความเคลื่อนไหวทางกาจรเมือง เปิดอภิปรายในเรื่องนี้ นายเลาฟั้งกล่าว  นายจำรูญ กล่าวว่า เครือข่ายอนุรักษ์พื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน ได้ทำหน้าที่สนับสนุนกลุ่มต่างๆที่ทำหน้าที่อนุรักษ์พื้นที่ และในการเดินทางมาครั้งนี้ถือว่า เป็นการทำหน้าที่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ส่วนความคืบหน้าเป็นอย่างไร เมื่อไร แบบไหน ขอให้ประชาชนติดตามกันต่อไป.

จิระชัย เกษมพิมลพร /จ.ภูเก็ต