อธิบดีกรมทะเล-กรมอุทยานฯ ลงพื้นที่ท่าเรือราไวย์ หาแนวทางแก้ไขวิกฤตพะยูนและหญ้าทะเลเสื่อมโทรม

วันที่ 13 พ.ย. 2567  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณท่าเทียบเรือหาดราไวย์  อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขวิกฤตพะยูนและหญ้าทะเลเสื่อมโทรม หลังศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน ได้ทดลองวางแปลงอาหารธรรมชาติ แหล่งหญ้าทะเล ที่บริเวณท่าเทียบเรือหาดราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต เพื่อเป็นแหล่งอาหารเสริมให้กับพะยูน ที่อพยพมาอาศัยในพื้นที่อ่าวพังงา จังหวัดภูเก็ต หลังประสบปัญหาพบพะยูนตายจากการขาดอาหารเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแหล่งหญ้าทะเลสูญหายไปกว่า 20,000 ไร่ จากสถานการณ์ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ส่งผลให้ปริมาณพะยูนลดลงเกือบร้อยละ 50 จากเดิมประเทศไทยมีพะยูนกว่า 300 ตัว

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า จะนำ 4 มาตรการหลักมาเร่งดำเนินการ คือ สำรวจเส้นทางเคลื่อนย้ายถิ่นของพะยูน การดูแลสุขภาพพะยูนกลุ่มที่มีการเคลื่อนย้าย การจัดหาอาหารเสริม และเร่งฟื้นฟูแหล่งอาหารธรรมชาติ ซึ่งเป้นปัจจัยหลักที่ทำให้มีการย้ายถิ่นของพะยูน จากนั้นขับเคลื่อนร่วมกับทางจังหวัดในการสื่อสารทำความเข้าใจ ให้ความรู้กับชาวบ้านเกี่ยวกับพะยูน พร้อมสร้างความร่วมมือในการร่วมกันดูแลรักษาพะยูน แหล่งหญ้าทะเล โดยเตรียมออกประกาศเขตพื้นที่อนุรักษ์พะยูน 2 จุด ในภูเก็ต คือ พื้นที่ราไวย์ และป่าคลอก ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกับทางจังหวัดภูเก็ตเพื่อเร่งออกประกาศให้ได้โดยเร็วที่สุด

ด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า พื้นที่แหล่งหญ้าทะเลลดลงเกินร้อยละ 50 จึงต้องเร่งหาแนวทางทำให้หญ้าทะเลกลับคืนมา แต่เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือ การนำเงินรายได้ของกรุมอุทยานฯ มาทำคอกอนุบาลตามแผนที่อนุรักษ์จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อเร่งอนุบาลและป้องกันภัยคุกคามต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น และจะเร่งจัดทำแผนเพื่อเสนอของบกลางเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน มาดำเนินการในมาตรการต่างๆเพื่อการฟื้นฟูให้พะยูนกลับมามีปริมาณเพิ่มขึ้นโดยเร็ว

จิระชัย เกษมพิมลพร /จ.ภูเก็ต