ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ติดตามคาราวานรถกระบะขนแรงงานเถื่อนชาวเมียนมา 3 คัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 26 พ.ย. 2567 ที่ผ่านมาตำรวจทางหลวงสถานีตำรวจทางหลวง5 กองกำกับการ7 กองบังคับการตำรวจทางหลวงร่วมกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจ.สงขลา  ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม, พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.อ.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ ผกก.ตม.จว.สงขลา ได้ขับรถไล่ติดตามรถกระบะขนแรงงานเถื่อน3คัน เมื่อคืนนี้ซึ่งขับมาบนถนนหลวงหมายเลข 2004 จาก อ.จะนะ มุ่งหน้า อ.เทพา โดยมีรถตำรวจทางหลวง2 คันติดตามไปอย่างกระชั้นชิด  ทำให้รถกระบะทั้ง 3 คัน ต้องเลี้ยวหลบหนีเข้าไปบริเวณถนนภาย ในหมู่บ้าน หมู่ 7 ต.สะกอม อ.จะนะ แต่ปรากฏว่าด้วยความที่ไม่ชำนาญเส้นทางรถกระบะทั้ง 3 คัน ได้ขับหนีเข้าไปในซอยตัน จึงถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ แบบหมดทางหนี

โดยทั้งรถ 3 คัน ประกอบด้วย รถยนต์กระบะอีซูซู ทะเบียน บต 5904 นราธิวาส ซึ่งเป็นรถนำทาง รถยนต์กระบะมิตซูบิชิทะเบียน บก 3525 ยะลา ซึ่งขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมา 10 คน  รถยนต์กระบะมิติซูบิชิทะเบียน กต 9404 ยะลา ซึ่งขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา 10 คน รวมแรงงานต่างด้าวทั้งหมดที่ขนมา 20 คน เป็นชาย 9 คนหญิง 11 คน ในจำนวนนี้มีเด็กรวมอยู่ด้วย 6 คน อายุต่ำสุดเป็นเด็กหญิงอายุ 2 ปี ที่เหลืออายุ 4ปี 6 ปี 7ปีและเข้าปี และเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวคนขับรถกระบะทั้ง3คันเอาไว้ได้ทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย นายมูฮัมหมัดฮาฟิส ซาแม อายุ 24 ปี ชาวจ.นราธิวาส นายอัลฮา มิงดือเร๊ะ อายุ 32 ปี ชาวจ.นราธิวาส นายมะรอดี ฮาแว อายุ 34 ปี ชาวจ.ปัตตานี และนายสูเด็ง ซาแม อายุ 42 ปี ชาวจ.นราธิวาส คุมตัวทั้งหมดส่งสภ.จะนะ จ.สงขลา

จากการสอบสวนทั้ง 4 คนทราบว่าขับรถกระบะ3คันไปรับชาวเมียนมากลุ่มนี้มาจากมาจากปั๊มน้ำมันเชลล์บริเวณริม ทล.4 กม.1250 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อนำไปส่งที่ ต.สุไหงโกลก อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส โดยมีรถนำทาง1คน คอยตรวจสอบด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัดของเจ้าหน้าที่ตามเส้นทางที่ขับผ่าน ได้รับค่าจ้าง2,000 บาท ส่วนรถกระบะอีก 2 คัน ทำหน้าที่ชาวเมียนมาได้ค่าจ้างคิดเป็นรายหัว ๆ ละ 800 บาท จากนายหน้าชาวไทย ชื่อ “บังเต้”ไม่ทราบชื่อจริง ส่วนชาวเมียนมาบอกว่า ลักลอบเข้าเมืองโดยไม่มีหนังสือเดินทางต้องการเดินทางไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อหนีภัยสงครามกลางเมืองภายในประเทศเมียนมาร์ จึงติดต่อนายหน้าสัญชาติเดียวกันที่อยู่ในประเทศเมียมาร์ให้ช่วยว่าจ้างนายหน้าชาวไทยพาเดินทางเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซีย เป็นเงินจำนวน 3,000,000 – 13,000,000 จ๊าด คิดเป็นเงินไทยประมาณ 49,000 – 600,000 บาท ตามแต่ระยะทาง จ่ายค่าเดินทางทั้งหมดก่อนออกเดินทาง และส่วนใหญ่เดินทางมาจากรัฐย่างกุ้ง, รัฐมัณฑะเลย์ และรัฐเมาะลำไย ทั้งหมดใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 วันเศษ เบื้องต้นคนไทยทั้ง 4 คน ถูกดำเนินคดี ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ให้การช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ส่วนชาวเมียนมาถูกแจ้งข้อหาเป็นคนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอบสวยขยายผลไปยังเครือข่ายค้าแรงงานเถื่อนข้ามชาติกลุ่มนี้ต่อไป

จรัส  ชูศรี / จ.สงขลา