เมืองพัทยา จับมือ พม. เดินหน้าต่อแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อน ไร้บ้านในที่สาธารณะมุ่งทำให้สังคมมองคนไร้บ้านมีศักดิ์ศรี เท่าเทียมกัน

นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา พร้อมด้วย น.ส.นันทภัค ปองสุข ผอ.ศูนย์คุ้มครองไร้ที่พึ่ง จ.ชลบุรี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นำเจ้าหน้าที่สำนักพัฒนาสังคมเมืองพัทยา เจ้าหน้าที่เทศกิจ และเจ้าหน้าที่ พม. ลงพื้นที่ดำเนินการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อน ไร้บ้านในพื้นที่เมืองพัทยา ด้วยกัน 2 จุด คือ ที่จิตตภาวันวิทยาลัยและหลังวัดช่องลม นาเกลือ
โดยจุดแรกที่ที่จิตตภาวันวิทยาลัย บริเวณศาลาพักค่อยด้านหน้า พบชายเร่ร่อน 2 คน ที่ใช้ศาลาเป็นที่อาศัยหลับนอน มีสภาพแวดล้อมที่สกปรก และยังพบขวดสุรา 40 ดีกรี ทิ้งขยะเกลื่อนบนพื้น ซึ่งหนึ่งในชายเร่ร่อน 2 คน มี 1 ราย ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้การช่วยเหลือเข้าบ้านพักในศูนย์คุ้มครองเมื่อหนึ่งเดือนที่แล้วแต่ก็หนีออกมาใช้ชีวิตรเร่ร่อน เจ้าหน้าที่จึงได้ให้การช่วยเหลือพาไปยังศูนย์คุ้มครองอีกครั้ง ส่วนอีกรายซึ่งเป็นผู้ป่วยจิตเวช เจ้าหน้าที่ต้องใช้หลักจิตวิทยาในการเกลี้ยกล่อม เพื่อให้เข้ารับการรักษา โดยรายนี้ต้องใช้ทั้งหลักจิตวิทยาและความกล้าในการเข้าจราจรด้วยชายเร่ร่อนรายนี้ไม่เปิดใจที่จะให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ ทั้งนี้ในส่วนพื้นที่หลังวักช่องลม นั้นไม่พบกลุ่มคนเร่ร่อน ไร้บ้านแต่อย่างใด พบเพียงเพิงพักที่ใช้ของเก่าและภาพมาสร้างเป้นที่พักอาศัย เมืองพัทยาจึงให้เจ้าหน้าที่สำนักสิ่งแวดล้อมดำเนินการรื้อถอนและคืนสภาพให้กับวัดช่องลม พร้อมให้ไวยาวัจกรดำเนินการปิดประตูทางเข้าเพื่อป้องกันคนเร่ร่อน ไร้บ้านมายึดพื้นที่สร้างที่พักพิงในอนาคต

ด้าน นายวุฒิศักดิ์ เริ่มกิจการ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า หลังเมืองพัทยาได้มีการลงนาม MOU ในการแก้ไขปัญหาวคนเร่ร่อน ไร้บ้านกับ 8 องค์กรที่ผ่าน การลงพื้นที่ในครั้งนี้เมืองพัทยาก็ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่ามีคนเร่ร่อน มาพักอาศัยบริเวณจิตตภาวันวิทยาลัยและหลังวัดช่องลม นาเกลือ จึงได้ประสานศูนย์คนไร้ที่พึ่ง จ.ชลบุรี เร่งลงพื้นที่ในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน จากการลงพื้นที่ก็พบชายเร่ร่อน 2 คน ซึ่งคนหนึ่งทาวเจ้าหน้าที่เคยให้การช่วยเหลือมาแล้วก็แต่ออกมาใช้ชีวิตเร่ร่อน ด้วยมีอาการติดเหล้า ส่วนอีกรายเป็นชายจิตเวช เจ้าหน้าที่ก็เร่งให้การช่วยเหลือนำไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ตามหลักขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ แม้บ้างครั้งชายคนดังกล่าวจะพูดจารู้เรื่องแต่บ้างครั้งก็มีอาการทางจิต ทั้งนี้ที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อน ไร้บ้านในพื้นที่เมืองพัทยานั้นถือเป็นปัญหาของสังคมที่เมืองพัทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขและไม่ได้นิ่งนอนใจ อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาเรื่องของคนไม่ใช่เรื่องที่ง่ายที่จะดำเนินการเด็ดขาดเลยก็ไม่ได้ บ้างครั้งต้องอาศัยการจราจรพูดคุยสร้างความสมัครใจให้คนเหล่านี้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานและให้โอกาสคนเร่ร่อน ไร้บ้าน เข้ามาอยู่สังคมให้ได้ต่อไป

ขณะที่น.ส.นันทภัค ปองสุข ผอ.ศูนย์คุ้มครองไร้ที่พึ่ง จ.ชลบุรี กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาเร่ร่อน ไร้บ้าน นั้นต้องทำงานเป็นทีม เมื่อลงพื้นที่นั้นหากเป็นที่ของเอกชนจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของก่อนจึงจะสามารถปฏิบัติภาระกิจ อีกทั้งบ้างครั้งการลงพื้นที่แก้ไขปัญหานั้นภารกิจเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นอย่างการส่งต่อ อย่างเช่นวันนี้การลงพื้นที่ปฏิบัติงานเจอกลุ่มเป้าหมายทั้งาคนไร้ที่พึ่ง และกลุ่มจิตเวช ก็ได้ให้การช่วยเหลือเพื่อให้เข้าถึงสิทธิต่าง ๆ ของรัฐ แต่ด้วยชายคนดังกล่าวมีอาการทางจิตจึงไม่พร้อมและยินยอมไปที่ศูนย์ฯ ซึ่งกรณีต้องใช้ความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งต่อในเรื่องของการเข้ารับการรักษาตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิตกก่อน เมื่อสิ้นสุดการรักษาพยาบาลหากไม่มีที่อยู่หรือไม่มีที่ไป อยู่ในสังคมได้ ก็มาอยุ่ในความคุ้มครองขิงศูนย์คนไร้ที่พึ่ง เพื่อทางศูนย์จะติดตามหาญาติ หากญาติรับได้ก็จะส่งกลับบ้าน แต่การกลับบ้านนั้นจะต้องมีจุดมุ่งหมายและตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดก่อนจะส่งคนเร่ร่อนกลับไปอยู่กับญาติ เนื่องจากคนเร่ร่อนส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนที่อยู่กับครอบครัวไม่ได้ ทำให้ไม่มีที่อยู่อาศัย จึงมาใช้พื้นที่สาธารณะมาเป็นที่อยู่อาศัย ปัญหาเหล่านี้ พม.ไม่เคยทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่การช่วยเหลือแต่ละรายต้องใช้ความเอียด ยุ่งยาก ซับซ้อน ต้องใช้เทคนิคความชำนาญและภาคีเครือข่ายในการเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหา ซึ่งบ้างเคสก็ช่วยเหลือได้ บ้างเคสก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ด้วยมีกฎหมายสิทธิมนุษยชน หากคนเร่ร่อนไร้บ้าน ปฏิเสธรับการช่วยเหลือทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถดำเนินการและให้การช่วยเหลือได้