บิ๊กโอ๋ ผู้ช่วย ผบ.ตร. บินด่วนเร่งรัดคดีชำเราหญิงชรา สั่งเด้ง! ผกก.สภ.บัวใหญ่

วันจันทร์ ที่ 6 ม.ค.68 เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.(สส) มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(สส 1) เดินทางไปเร่งรัดติดตามผลความคืบหน้าคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญและเป็นที่น่าสนใจของประชาชนในคดี “ชิงทรัพย์ และกระทำชำเราหญิงวัยสูงอายุ” ในพื้นที่ สภ.บัวใหญ่, สภ.แก้งสนามนาง, สภ.โนนแดง, สภ.บ้านเหลือม และ สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาโดยมี พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พล.ต.ต.สนธยา แต่แดงเพชร ผบก.สส.ภ.3ผกก., รอง ผกก.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ ศพฐ.3 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมไทรทอง ภ.จว.นครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
โดยมีข้อสั่งการดังนี้ (1)ให้ความสำคัญกับข้อมูลสืบสวนก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ต้องดำเนินการรวบรวมข้อมูล พยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกมิติ ทั้งพยานบุคคล พยานแวดล้อม กล้องวงจรปิด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ (2)ให้ฝ่ายสืบสวนรวบรวม ปรับปรุง พัฒนาฐานข้อมูลอาชญากรรมในพื้นที่ให้ครบถ้วนสมบูรณ์เป็นปัจจุบัน ต้องสามารถสืบค้น และประสานข้อมูล ทุกหน่วยงานต้องให้ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และเกื้อกูลข้อมูลต่อกันเป็นอย่างดี (3)ใช้กำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษในการปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาในคดีอุกฉกรรจ์ และคดีสำคัญ หรือปรากฏตัวในพื้นที่สุ่มเสี่ยง เพื่อกดดันมิให้เกิดการกระทำความผิด (4)พึงระมัดระวังการให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชน หรือบุคคลภายนอก ต้องอย่าให้กระทบต่อพยานหลักฐาน ตลอดจนไม่ควรเปิดเผยถึงแนวทาง เทคนิค หรือวิธีการสืบสวน (5)กำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ภายในกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้ทำความเข้าใจหลักกฎหมาย วิธีการ ขั้นตอนการปฏิบัติตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 อย่างเคร่งครัด (6)ให้เร่งรัดสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องในคดี และเร่งรัดส่งดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยตรวจและเร่งรัดผลตรวจเปรียบเทียบดีเอ็นเอจากทางพิสูจน์หลักฐาน (7) สืบสวน ภ.จว. และสืบ สภ. ทำไทม์ไลน์กล้องรายละเอียดเหตุการณ์ในคดี สืบภาคให้ตรวจสอบข้อมูลภาคอากาศ (8)กำชับให้มีมาตราการป้องกันเหตุ อย่าให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก (9)การสืนสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาให้ยึดหลักยุทธวิธี ความปลอดภัยต้องมาก่อน อย่าให้เกิดความสูญเสีย (10)กำชับการให้ทำงานกันเป็นทีม บูรณาการร่วมกันทุกฝ่ายและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก”และ “ขยัน อดทน ดำรงตนอย่างมีเกียรติ”

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น.วันเดียวกันนั้น ณ ศปก. ภ.จว.นครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(สส 1)พร้อมด้วย พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เป็นที่สนใจแก่ประชาชนและสื่อมวลชน ที่เกิดในพื้นที่ สภ.ปากช่อง ซึ่งผู้เสียหายได้ไปร้องเรียนกับเพจ “สายไหมต้องรอด” คือ นายสมคิด ทับเปีย อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสีคิ้ว ที่ 1/2568 ลงวันที่ 6 มกราคม 2568 โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น”

ทั้งนี้ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายให้ทำงานโดยยึดหลักกฎหมายและรอบคอบตามหลักยุทธวิธีตำรวจที่ได้ฝึกทบทวนมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่ครอบครัวพี่น้องข้าราชการตำรวจ ตามที่ ผบ.ตร. ได้ฝากข้อห่วงใย
ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน
ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ฝากถึงผู้เสียหายว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย โดยจะรวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนอย่างตรงไปตรงมาปราศจากข้อสงสัยจากทุกฝ่าย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป