จากที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา สาขาย่อยโค้งดงตาล ได้รับแจ้งเหตุนักท่องเที่ยวถูกคนร้ายจับพันธนาการ ด้วยกุญแจมือ และสายเคเบิ้ลไทร์ แล้วบังคับรีดเอาทรัพย์สินไป เหตุเกิดที่คอนโดแห่งหนึ่งภายในซอยวัดบุณย์กัญจนาราม เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยทราบชื่อคือMR.MASIS ERKOL อายุ 36 ปี สัญชาติตุรกี อยู่ในอาการหวาดกลัว โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดฯ ให้การช่วยเหลือไว้แล้ว โดยให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ถูกคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์สามคนจับมัดมือไพล่หลัง และมัดที่ข้อเท้าทั้งสองข้าง แล้วบังคับเอาทรัพย์สินไปเป็นโน๊ตบุ๊ก 1 เครื่อง รวมถึงเงินคลิปโตอีกจำนวนมาก หลังเกิดเหตุคนร้ายได้หลบหนีไป จึงกระเสือกกระสน ลงมาขอความช่วยเหลือจากพนักงานรักษาความปลอดภัย
พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังเปิดเผยว่า ในเบื้องต้นคดีนี้ คนร้ายมีทั้งหมด 3 คน เป็นขาวตุรกีทั้งหมด มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีและคาดว่า น่าจะมีความสนิทสนมกับตัวผู้เสียหาย โดยกลุ่มคนร้าย ได้นำกุญแจสำรองไขห้องพัก ของผู้เสียหาย แล้วเข้าไปนั่งรออยู่ภายในห้องที่เกิดเหตุ พอผู้เสียหายกลับมาห้อง ก็ก่อเหตุจะใส่กุญแจมือไพล่หลัง ผ้าปิดตา มัดเท้า ก่อนจะบังคับให้โอนเงิน คริปโต หรือ สกุลเงินดิจิตอล โดยมีการโอน เงินสกุลดิจิตอล ( BTC USD ) สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย รวมมูลค่าแล้วเกือบ 10 ล้านบาท ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะปล่อยผู้เสียหายทิ้งภายในห้องแล้วหลบหนีไป
สำหรับผู้กลุ่มผู้ก่อเหตุเชื่อว่าน่าจะรู้จักกับผู้เสียหายเป็นอย่างดี และมีการวางแผนอย่างแยบยล โดย นายมาซิส เออร์โคล เบื้องต้นทราบว่า เป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับการเทรดหุ้นคลิปโตโดยตรง และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสกุลเงินดิจิตอล และ เดินทางเข้าออกประเทศไทยบ่อยครั้ง นานกว่า 6 ปี
ส่วนด้านแนวทางการสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมกลุ่มคนร้าย ในเบื้องต้นมีการระดมนักสืบ ทั้งสืบสวน สภ. เมืองพัทยา และ สืบสวนจังหวัดชลบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดรวมถึงเส้นทางที่คนร้ายใช้ในการหลบหนี พร้อมทั้งมีการประสานไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ให้ร่วมแกะรอยกลุ่มคนร้าย พร้อมทั้งจะมีการตรวจสอบประวัติผู้เสียหายว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา ทำไมถึงมีการก่อเหตุปล้นเงินจำนวนมากขนาดนี้ โดยตำรวจขอเวลาทำงานและมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป