ระทึกรับเช้าวันใหม่ จุดธูปไหว้พระทิ้งไว้บนบ้าน แล้วลงไปขายของ จนเกิดเพลิงไหม้หวิดวอดทั้งหลัง โชคดีที่เงินแสนและทอง 3 บาทไม่ถูกเพลิงไหม้ไปด้วย

เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ ( 21 มี.ค. 2568 ) ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเลขที่ 173/1 หมู่ 7 ตำบลท่าตูม อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้ โดยชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของเบ็ดเตล็ด ซึ่งเป็นบ้านของ นางสาวกันธิมา สร้อยจิตรอายุ 46 ปี โดยขณะเกิดเหตุมีผู้อยู่อาศัยด้วยกัน 3 คน คือนางสาวกันธิมา และแม่กับพี่สะใภ้ โดยนางสาวกันธิมา ได้เล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ขึ้นไปจุดธูปไหว้พระที่ห้องนอนชั้นบน แล้วก็ลงมาขายของที่ชั้นล่าง แต่พอสักพักก็เห็นควันพวยพุ่งลงมาจากห้องนอนชั้นบน ก่อนจะเห็นเป็นเปลวเพลิงลุกไหม้ ตนจึงได้วิ่งออกจากบ้านมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน จากนั้นก็รีบแจ้งไปยังหน่วยดับเพลิงของเทศบาลตำบลท่าตูม และ สภ.ท่าตูม เพื่อขอรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ

 

 

 

 

จากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าตูมและหน่วยดับเพลิงของเทศบาลตำบลท่าตูมก็รุดมาถึงที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย นางสาว วันเพ็ญ หาญเสมอ นายอำเภอท่าตูม และนางชนมณี จารุธนิตกุล นายกเทศบาลท่าตูม ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะช่วยกันฉีดน้ำและสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านข้างเคียงจนเพลิงสงบในเวลาต่อมา โดยใช้เวลาในการควบคุมเพลิงประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นก็ได้เข้าตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านชั้นบนห้องนอนที่เป็นจุดเกิดเหตุและเป็นห้องพระ พบว่าเพลิงได้ไหม้เสื้อผ้าและเครื่องใช้ที่เป็นไม้ทั้งหมด โดยนางสาวกันธิมา สร้อยจิตร เจ้าของบ้านก็ได้เข้าร่วมตรวจสอบทรัพย์สินด้วย ก็พบว่าเงินสดจำนวน 1 แสนบาทและทองคำหนัก 3 บาทที่เก็บไว้ในห้องนอนยังอยู่ครบ ไม้ถูกเพลิงไหม้ไปด้วย นับว่าโชคดีเป็นอย่างมาก และบ้านก็ได้รับความเสียหายแต่เฉพาะชั้นบนบางส่วน ไม่ลุกลามลงไปที่ชั้นล่าง ซึ่งมีสินค้าอยู่อีกมากมายด้วย

 

 

 

 

 

 

 

สำหรับสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ คาดว่าน่าจะเป็นเพราะธูปที่เจ้าของบ้านจุดไหว้พระทิ้งไว้ แล้วมีลมพัดจนเกิดเป็นสะเก็ดไฟปลิวไปไหม้ที่หิ้งพระจนเกิดเพลิงไหม้ขึ้นดังกล่าว ประกอบกับในช่วงนี้ที่จังหวัดสุรินทร์มีอากาศหนาวเย็นและมีลมพัดแรง จนทำให้มีโอกาสเกิดเพลิงไหม้ขึ้นได้ในช่วงนี้ แต่ก็โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีแต่ทรัพย์สินเสียหายบางส่วนเท่านั้น และเพลิงก็ไม่ลุกลามไหม้ไปยังบ้านข้างเคียงแต่อย่างใดด้วย.

 

 

 

 

 

 

ทีมข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์ รายงาน