ชาวบ้านอ่างกระป่องโพสต์ขายกัลปังหาและปะการังเจอดี เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าตรวจสอบ

อ.เขาสมิง จ.ตราด/เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 22 มีนาคม 2566 นางสาวอมรวรรณ ผุดวรรณา ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล จ.ตราด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากฝ่ายปกครองอำเภอเขาสมิง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาสมิง ศรชล.ตราด เจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เจ้าหน้าที่ศูนย์บริหารทรัพยากรป่าชายเลน จ.ตราด เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) กว่า 30 คน ร่วมกันออกตรวจสอบโดยนำหมายศาลไปยังบ้านเลขที่ 70/1 ที่บริเวณสะพานปลา บ้านอ่างกระป่อง หมู่ 4 ต.ท่าโสม อ.เขาสมิง จ.ตราด หลังรับแจ้งทาง 1362 สายด่วนรับแจ้งเหตุของศูนย์พิทักษ์ทรัพยากรทางทะเล ว่าบ้านหลังดังกล่าว มีการเก็บ ครอบครอง ปะการัง อันเป็นสัตว์สงวนที่ผิดกฎหมาย

 

ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้เดินทางไปถึง พบว่าหลังดังกล่าวปิดล็อคประตูบ้านไว้ พบบริเวณหน้าบ้าน อ่างเลี้ยงปลา มีการนำปะการัง ที่มีทั้งผิดกฎหมายและไม่ผิดกฎหมายมาวางประดับและโชว์ไว้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้วพบว่ามีปะการังที่ไม่สามารถครอบครองได้มีอยู่จำนวนหนึ่งวางไว้ด้านข้างของตัวบ้าน แต่เนื่องจากเจ้าของบ้านไม่อยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้รออยู่ และประสานไปยังผู้ใหญ่บ้านเพื่อติดต่อเจ้าของบ้าน เพื่อทำการตรวจสอบภายในบ้านว่ามีการครอบครองปะการังที่ผิดกฎหมายไว้หรือไม่ และได้มีการกำหนดระยะเวลาหากเจ้าของบ้านยังไม่กลับมา ก็จะเรียกให้ ผู้ใหญ่บ้านมาร่วมเป็นพยานในการที่จะต้องดำเนินการเปิดประตูบ้านเพื่อเข้าไปตรวจสอบ แต่เมื่อรอเวลาประมาณ 30 นาที ทางเจ้าของบ้านได้ติดต่อมาว่ากำลังจะกลับเข้าบ้าน

นางอมรวรรณ กล่าวว่า การเดินทางมาตรวจสอบและค้นบ้านหลังดังกล่าวหลังพบว่า เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวได้โพสต์ขายกัลปังหา และปะการังทางออนไลน์ในเฟสบุคส์ชื่อ “เครื่อง…ทนสิทธิ แปลก! หายาก!”
โพสต์โดย ปวีนา จีนะศิริ เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา และได้รับการร้องเรียนผ่าน 1362 จึงได้เข้ามาทำการตรวจสอบและพบขอกลางดังกล่าวในบริเวณบ้านจำนวนหนึ่ง แต่ภายในบ้านยังไม่สามารถเข้าไปค้นได้ ซึ่งขอกลางที่พบนั้นเป็นการครอบครองโดยผิดกฏหมายและยังมีการจำหน่ายผ่านออนไลน์ด้วย ซึ่งทางศูนย์ฯได้ทำการแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาจำหน่าย และครอบครอง สัตว์สงวนซึ่งมีโทษทางอาญา และได้มาพบที่บ้านของผู้โพสต์ ซึ่งขอแนะนำว่า ทั้งปะการังและกัลปังหาไม่สามารถครอบครอบได้ไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะเป็นการทำลายความสมดุลทางธรรมชาติของท้องทะเล

 

ด้านนายภูมิศักดิ์ จีนะศิริ อายุ 50 ปี และนางปวีนา จีนะศิริ อายุ 40 ปี สองสามีภรรยา ได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ว่า ตนเองไม่รู้ว่า กัลปังหา นั้นผิดกฎหมาย เพราะชาวบ้านเรียกว่ารากหิน และที่มีไว้ครอบครองก็ขอจากคนอื่นมา ไปเก็บตามชายหาดบ้าง แต่ไม่เคยเก็บใต้ท้องทะเล ส่วนกัลปังหา จะทำไปทำเป็นของขลัง เช่น กำไลหรือปลัดขิก

 

 

เบื้องต้นหลังจาก นำหมายศาลค้นบ้านภายในบ้านและนอกบ้าน พบ กัลปังหา กว่า 20 ต้น ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ประเภทไม่มีกระดูกสันหลัง บางส่วนถูกแพคเตรียมส่งขายแล้ว ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานพร้อมตั้งข้อหา นายภูมิศักดิ์ จีนะศิริ และนางปวีนา จีนะศิริ ตามความผิด พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 12 ห้ามไม่ให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง มาตรา 17 ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองหรือซากสัตว์ป่าดังกล่าว และมาตรา 29 ห้ามมิให้ค้าสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครองหรือซากสัตว์ป่าดังกล่าวหรือผลิตภัณฑ์จากซากสัตว์ป่าดังกล่าว ส่วนบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ