เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 15 เม.ย.68 นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี จัดประชุมหารือแนวทางการป้องกันเหตุเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว ณ ห้องประชุม สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยมี นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พ.ต.อ.ชาตรี สุขศิริ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พร้อมตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปรามปราม ตำรวจสืบสวน ตำรวจท่องเที่ยว ฝ่ายปกครอง และเมืองพัทยา เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง
สืบเนื่องจาก เกิดเหตุรุมทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย บริเวณถนนเลียบชายหาดพัทยา ปากทางเข้าวอล์คกิ้งสตรีทพัทยาใต้ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ส่งผลให้ภาพพจน์การท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรี และเมืองพัทยาเสียหาย ท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย จึงสั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
เบื้องต้น ได้เชิญตัวบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์มาเปิดเผยรายละเอียดขณะเกิดเหตุให้สื่อมวลชน และประชาชนได้ทราบกัน และขอยืนยันว่า เมืองพัทยา และจังหวัดชลบุรี เป็นมีที่มีความปลอดภัย แต่ในบางครั้งอาจจะเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันบ้าง เนื่องกันอาการมึนเมาและสื่อสารกันไม่เข้าใจ ระหว่างนักท่องเที่ยวกับชาวไทย ซึ่งทางฝ่ายปกครอง และ สภ.เมืองพัทยา รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการประชุมจัดระเบียบกับ ผู้ประกอบการวินจยย.รับจ้าง และรถสองแถว อยู่อย่างต่อเนื่อง หากมีการกระทำผิดจะมีโทษตามกฎหมาย และดำเนินการขั้นเด็ดขาดหากกระทำผิดซ้ำ
ด้าน นายเอ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวอินเดียได้เดินมาสอบถามหารถโดยสาร เพื่อเดินทางไปโรงพยาบาล หลังจากตกลงราคาเรียบร้อยตนจึงให้ น้องชาย พากลุ่มนักท่องเที่ยวไปส่งที่รถสองแถว แต่ผ่านไปสักพักก็แปลกใจว่า ทำไมยังไม่ไปสักที จึงเดินตามไปกลับพบว่า 1 ในชาวอินเดียกำลังมีปากเสียงกับน้องชาย จากนั้นกลุ่มอินเดียจึงเริ่มด่าทอให้ของลับ และจะเข้ามารุมทำร้าย น้องชายจึงเริ่มถอยหนี ตนจึงเข้าไปห้ามปราม ก่อนจะบานปลายถึงขั้นชกต่อยกันคนละหมัด จากนั้นคนที่อยู่ใกล้เคียงจึงกรูกันเข้ามาห้ามเพื่อให้แยกกัน แต่บุคคลที่ใส่เสื้อวิน ที่ผ่านมาและเข้ามาทำร้ายนักท่องเที่ยวเสริม พวกตนไม่รู้จักแต่อย่างใด สุดท้ายอยากขอโทดสังคมและเมืองพัทยา ซึ่งตนเองไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น แต่เป็นเพราะอารมณ์ที่ถูกด่าทอ และจะถูกรุมทำร้ายก่อน จึงต้องป้องกันตัวเอง
อย่างไรก็ตาม อยากขอแจ้งว่า เหตุการณ์ดังกล่าวนั้นไม่ใช่เหตุรุนแรง หรือกลุ่มแก๊ง มาเฟียรุมทำร้ายนักท่องเที่ยว ตามที่ข่าวนำเสนอไป เป็นเพียงเหตุกระทบกระทั่งกันส่วนบุคคลซึ่งเกิดจากการสื่อสารไม่เข้าใจ เบื้องต้น จึงได้ว่ากล่าวตักเตือนชาวไทยทั้ง 2 ราย ว่า หากนักท่องเที่ยวกริยาไม่ดี ก็ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ไม่ควรชกต่อยหรือตัดสินเอง ส่วนผู้เสียหายชาวอินเดียนั้นเจ้าหน้าที่ยังติดต่อไม่ได้และยังไม่มาแจ้งความ
สุดท้ายแล้ว ทุกภาคส่วนจึงได้ประชุมหารือวางมาตรการร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเกิดขึ้นอีก เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ที่ดีของเมืองพัทยา และจังหวัดชลบุรี ต่อไป