โดยสามารถทำการการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
1. รวบผู้ร้ายข้ามแดนมีหมายแดง หนีหมายจับคดีค้ายาเสพติด ก่อนบินหนีซุกเวียดนาม โดยทางสถานเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิส ประจำประเทศไทย ได้มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ ขอให้ทางการไทยจับกุมตัวชั่วคราวนายโจนาธาน (นามสมมติ) อายุ 31 ปี สัญชาติสวิส เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อไปดำเนินคดีในความผิดฐานค้ายาเสพติดอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติยาเสพติด และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทของสมาพันธรัฐสวิส
โดยมีพฤติการณ์กระทำผิด กล่าวคือ ในช่วงปลายปี พ.ศ.2559 นายโจนาธาน ได้ลักลอบนำยาบ้ากว่า 2,000 เม็ด ที่ได้ติดต่อซื้อขายจากชาวแอฟริกาผิวสี ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และนำไปขายให้กับลูกค้าหลายรายในเมืองซูริค โดยสมาพันธรัฐสวิส ได้ออกหมายจับที่ B-18-2612 ลงวันที่ 28 ก.ย.61 ให้จับนายโจนาธาน ในความผิดฐานค้ายาเสพติดอย่างร้ายแรง
และองค์การตำรวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INTERPOL Red Notice) ต่อมาพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอออกหมายจับชั่วคราวนายโจนาธาน และได้ส่งหมายจับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้สืบสวนจับกุม
จากนั้น บก.สส.สตม. ได้รับสั่งการให้สืบสวนติดตามจับกุมนายโจนาธาน กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สตม. พบว่า นายโจนาธาน ถือหนังสือเดินทางสาธารณรัฐบราซิล เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท ผ.ผ.90 และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด
จึงขออนุมัติ ผบก.สส.สตม. เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของ นายโจนาธาน เนื่องจากเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ พฤติการณ์เข้าลักษณะเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ตามมาตรา 12 (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
จากนั้นจึงได้สืบสวนติดตามหาตัวนายโจนาธาน
จนทราบว่านายโจนาธาน จะเดินทางจากท่าอากาศยานกรุงเทพไปยังประเทศเวียดนาม จึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด่าน ตม.ทอ.กรุงเทพ บก.ตม.2 ร่วมกันกระจายกำลังสืบสวนหาตัวนายโจนาธาน บริเวณโถงผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานกรุงเทพ
จนกระทั่งพบตัวนายโจนาธาน ขณะเข้าแถวรอการเช็คอิน จึงขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง นายโจนาธาน ได้นำหนังสือเดินทางสาธารณรัฐบราซิล และหนังสือเดินทางสมาพันธรัฐสวิส แสดงแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงหมายจับของศาลอาญาพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา และแจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้นายโจธาธานรับทราบ และทำบันทึกการจับกุมนำตัวส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
2. บก.สส.สตม.รวบผู้ต้องหาชาวไวกิ้งหนีหมายจับกบดานไทย โดย สตม.ได้รับประสานจาก สำนักงานประสานงานฝ่ายกิจการตำรวจกลุ่มประเทศนอร์ดิก ขอให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายสเตฟาน (นามสมมติ) อายุ 45 ปี สัญชาติสวีเดน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลประเทศสวีเดนและหมายจับสหภาพยุโรปในข้อหากระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ และเป็นบุคคลตามประกาศตำรวจสากลสีแดง (Red Notice) ซึ่งได้หลบหนีคดีจากประเทศสวีเดนและเดินทางเข้ามาพำนักอยู่ในประเทศไทย
ทั้งนี้ ทางการสวีเดนได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนายสเตฟานแล้ว โดยมีพฤติการณ์กระทำผิด กล่าวคือ ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย.60 ถึงวันที่ 5 ต.ค.64 นายสเตฟาน ได้ร่วมกับพวกกระทำการละเมิดสิทธิสัญญาณของบริษัทผู้เสียหายจำนวน 3 บริษัท
โดยบันทึกรายการโทรทัศน์ของบริษัทผู้เสียหายที่ได้ออกอากาศไปแล้ว ไปออกอากาศเผยแพร่ต่อสาธารณชนในช่องทางอื่น ๆ ยูทูป เฟสบุ๊ก ซ้ำอีกโดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัทผู้เสียหาย อันเป็นการละเมิดสิทธิของผู้เสียหายในการออกอากาศทางโทรทัศน์ สร้างความเสียหายให้กับบริษัทผู้เสียหายจำนวนมาก
สตม. จึงได้สั่งการให้ บก.สส.สตม.นำข้อมูลของนายสเตฟานไปตรวจสอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่านายสเตฟานได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และการอนุญาตยังไม่สิ้นสุด ผบก.สส.สตม. จึงเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายสเตฟาน เนื่องจากทางการสวีเดนได้เพิกถอนหนังสือเดินทางและเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ
พฤติการณ์เข้าลักษณะเป็นคนต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ตามมาตรา 12 (1) และ (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และสั่งการให้ กก.1 บก.สส.สตม. สืบสวนติดตามหัวตัวนายสเตฟาน จากการสืบสวนของ กก.1 บก.สส.สตม. ทราบว่า นายสเตฟาน พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงไปตรวจสอบและพบนายสเตฟาน จึงได้แจ้งหนังสือแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้นายสเตฟาน ได้รับทราบและนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
3.บก.สส.สตม.รวบแก๊งหนุ่มแดนโสมแย่งอาชีพคนไทย โดย บก.สส.สตม. ได้จับชาวเกาหลี 5 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดี ประกอบด้วย
-นายคิม (นามสมมติ) อายุ 40 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 28 ก.พ.66 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท คนอยู่ชั่วคราว (NON-90) ครบกำหนดอนุญาตวันที่ 23 พ.ค.66 และได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรถึงวันที่ 23 พ.ค.67
-นายเบค (นามสมมติ) อายุ 28 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 2 พ.ค.66 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท ผ.ผ.90 ครบกำหนดอนุญาตวันที่ 30 ก.ค.66
-นายชอย (นามสมมติ) อายุ 32 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 24 พ.ค.66 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท ผ.ผ.90 ครบกำหนดอนุญาตวันที่ 21 ส.ค.66
-นายจุง (นามสมมติ) อายุ 25 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 12 พ.ค.66 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท ผ.ผ.90 ครบกำหนดอนุญาตวันที่ 9 ส.ค.66
-นายชอน (นามสมมติ) อายุ 39 ปี เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 1 พ.ค.66 ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราประเภท คนอยู่ชั่วคราว (NON-90) ครบกำหนดอนุญาตวันที่ 29 ก.ค.66
โดยกล่าวหาผู้ถูกจับที่ 1 ว่า รับคนต่างด้าวซึ่งไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน และกล่าวหาผู้ถูกจับที่ 2-5 ว่า เป็นคนต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน
พฤติการณ์กล่าวคือ บก.สส.สตม. ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน จ.ชลบุรี ว่ามีคนเกาหลีเข้ามาทำงานในบริษัททัวร์ บริเวณพูลวิลล่าแห่งหนึ่ง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ทำหน้าที่เป็นเสมียนรับจองทัวร์ให้กับชาวเกาหลี และจัดแพคเกจท่องเที่ยวแบบครบวงจรในประเทศไทย โดยจัดที่พักอาศัยและใช้บริการสถานประกอบการในเครือของชาวเกาหลีด้วยกัน ทำให้กระทบกับระบบธุรกิจการท่องเที่ยวของ จ.ชลบุรี
จากการสืบสวนพบว่ามีชาวเกาหลีทำงานอยู่ในบริษัทดังกล่าวตามที่ถูกร้องเรียนจริง จึงได้ขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดพัทยาเพื่อเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบชาวเกาหลีจำนวน 5 ราย ทำงานโดยผิดกฎหมายซึ่งมี นายคิม ทำหน้าที่ หัวหน้าควบคุมดูแลและจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน จำนวน 4 ราย คือ
นายเบค, นายชอย, นายจุง และนายชอน ซึ่งทั้ง 4 รายดังกล่าว ทำหน้าที่ ดูแลระบบ (admin) ในเว็ปไซต์การท่องเที่ยวของเกาหลีเพื่อชักชวนให้คนเกาหลีซื้อแพคเกจท่องเที่ยวแบบครบวงจรในลักษณะ ‘จ่ายเงินวอนครั้งเดียวจบ’ แล้วสามารถมาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอีก
แพคเกจนั้นรวมถึง รถรับ-ส่งสนามบิน, ที่พัก, ร้านอาหาร, ร้านนวด ซึ่งเป็นสถานประกอบการในเครือของชาวเกาหลีด้วยกัน สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศไทย จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
และ 4.ตม.จว.ชลบุรี สนธิกำลังร่วมกับ สืบสวน ตม.3 จับกุมหนุ่มจีนลักลอบอยู่ไทยนานกว่า 5 ปี โดย ตม.จว.ชลบุรี ได้ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.3 , สภ.เมืองพัทยา และตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกันจับกุม นายจาง (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน ในความผิดฐาน อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ได้ที่บริเวณริมถนน ซอยนาเกลือ 18 หมู่ 5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันสืบสวนหาข่าวชาวต่างชาติที่มีพฤติการณ์ว่าจะกระทำความผิดต่อกฎหมายในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย จนสืบทราบว่า นายจาง ชอบทำตัวตีสนิทกับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนและกลุ่มนักธุรกิจชาวจีนตามแหล่งที่กลุ่มชาวจีนพบปะกัน
โดยเข้าไปพูดคุยเชิญชวนให้ลงทุนทำธุรกิจต่างๆในประเทศไทย จึงนำข้อมูลนายจางไปตรวจสอบในระบบสารสนเทศ ตม. พบว่า นายจางเดินทางเข้ามาประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2558 ได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว 60 วัน (TR-60) และได้ขออยู่ต่อในราชอาณาจักรต่อเนื่องเรื่อยมา ครั้งสุดท้ายได้รับอนุญาตถึงวันที่ 29 ก.ค.2560 ปัจจุบันการอนุญาตสิ้นสุดลงแล้ว
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ติดตามตัวจนพบ นายจาง บริเวณริมถนน ซอยนาเกลือ 18 หมู่ 5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) จำนวน 2,160 วัน ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบถามนายจาง รับสารภาพว่า สาเหตุที่อยู่ในราชอาณาจักรจนการอนุญาตสิ้นสุดเนื่องจากตนมีคดีลักทรัพย์ที่ประเทศจีน เกรงว่าหากกลับไปจะได้รับการลงโทษตามกฎหมาย จึงหลบหนีอยู่ในประเทศไทยเรื่อยมา จนถูกจับกุมดำเนินคดีในที่สุด
ภาพ/ข่าว เก่ง ณ สงขลา ผู้สื่อข่าว ประจำ จ.ชลบุรี