ผงะ ! พบศพสาวขึ้นอึดเปลือยท่อนบนคู่ขาชาวต่างชาติ นอนเฝ้าศพไม่แจ้งตำรวจ ล่าสุด เจ้าของบาร์ ยัน คู่ขาต่างชาติ ตัดความสัมพันธ์กับผู้ตาย ก่อนมาพบเป็นศพ

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 67 ร.ต.อ.พุทธรักษ์ สอนคำหาน รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา ได้รับแจ้งว่าพบศพหญิงสาวตายขึ้นอืดอยู่ภายในห้องพัก 505 ชั้น 5 ของเก็ตเฮ้าส์แห่งหนึ่ง ภายในซอยสมประสงค์ พลาซ่า หมู่ 12 ถนนเลียบชายหาดจอมเทียน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง หลังรับแจ้งจึงรายงาน พ.ต.อ.นาวิน​ ธีระวิทย์​ ผกก.สภ.เมืองพัทยา​ ผู้บังคับบัญชา แล้วพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี แพทย์เวรโรงพยาบาลบางละมุง และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ฯเมืองพัทยา

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 5 ชั้น สร้างดัดแปลงเป็นห้องพักรายวัน-เดือน ตรวจสอบภายในห้องพักดังกล่าว พบศพหญิงไทย ทราบชื่อนางดวงตา คำผงสม อายุ 45 ปี ชาวจังหวัดศรีสะเกษ สภาพศพนอนหงายอยู่บนเตียงนอน เปลือยกายท่อนบน นุ่งกางเกงยีนส์ขาสั้น
เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 3 วัน จนร่างเริ่มเน่าขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งไปทั่วห้อง ทั้งศพยังอยู่ในสภาพลิ้นจุกปาก ใบหน้าเขียวช้ำ โดยมีผ้าขนหนูสีฟ้าวางอยู่บริเวณข้างศีรษะของศพ โดยมีคราบเลือดและน้ำเหลืองติดอยู่ นอกจากนี้ตรวจสอบภายในห้องพัก ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือค้นทรัพย์สิน

นาย ประยูร ชิณสาย อายุ 57 ปี คนดูแลเก็ตเฮ้าส์เล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุได้กลิ่นเหม็นเน่าลอยออกมาจากห้องพักดังกล่าว พยายามเคาะประตูเรียกแต่ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตูให้ จึงตัดสินใจนำกุญแจสำรองมาไขเข้าไปก็ถึงกับผงะเมื่อพบศพหญิงสาวนอนอยู่บนเตียง ในสภาพศพเริ่มเน่าขึ้นอืด อีกทั้งห้องพักดังกล่าวมีชายสูงอายุ ชาวไอซ์แลนด์ เป็นผู้เช่าห้องพักดังกล่าว แต่ขณะที่ไขประตูเข้าไปกลับไม่พบเจ้าของห้อง พบเพียงศพหญิงไทยเสียชีวิตอยู่ในสภาพดังกล่าว โดยผู้ตายเป็นคู่ขากับ ชาวต่างชาติที่เช่าห้องพักดังกล่าว

ต่อมาตำรวจมีการกระจายกำลังติดตามหาเจ้าของห้องพักจน ไปเจอตัวอยู่ที่บริเวณชายหาดจอมเทียน ทราบชื่อต่อ ทราบชื่อว่า นายเอเรนนาช แบร์รัค ( Mr.EIREANNACH BEARACH ) อายุ 71 ปี ชาวไอซ์แลนด์ เป็นผู้เช่าห้อง เป็นคู่ขากับผู้ตาย แต่เจ้าตัวอยู่ในอาการพูดจาวกไปวนมา ( มึนๆงงๆ ) โดยให้การอ้างว่า ผู้ตายทำงานบาร์เบียร์ และได้ชักชวนมาร่วมกับนอนที่ห้องพัก เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ซึ่งในวันที่ไปรับพามานอนที่ห้อง ผู้ตายเล่าให้ฟังว่าถูกคนรุมทำร้าย จนได้รับบาดเจ็บ ตนเองจึงพามานอนที่ห้องพัก ระหว่างผู้ตายก็มีอาการอ้วกและนอนหลับตลอดเวลาตนเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร อีกครั้งได้คุยกับผู้ตายครั้งสุดท้ายคือวันที่ 19 ธันวาคม จากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยตนเองเข้าใจว่าผู้ตายอ่อนเพลีย และนอนแน่นิ่งอยู่แบบนั้นตลอดเวลา จนกระทั่งมาถูก ตำรวจมาเชิญตัว มาสอบถาม และยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ทำร้ายหรือทำให้ผู้ตายเสียชีวิต ส่วนที่ไม่แจ้งตำรวจเพราะไม่รู้ว่าผู้ตายเสียชีวิตแล้ว และก็ไม่ได้กลิ่นศพ

ในเบื้องต้น แพทย์โรงพยาบาลบางละมุงได้ทำการชันสูตรศพ ยังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ตายเสียชีวิตเพราะสาเหตุใด โดยศพเสียชีวิตไปแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน แต่อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนได้ทำเรื่องส่งศพไปยังสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนนายเอเรนนาช แบร์รัค ตำรวจได้มีการเชิญไปสอบปากคำที่โรงพัก พร้อมทั้งให้ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจรอยนิ้วมือและตรวจหาดีเอ็นเอ โดยตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ หากมีความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป

ขณะที่กล้องวงจรปิดของเก็ตเฮาส์ดังกล่าว พบว่าช่วงเวลาประมาณ 09.58 น. วันนี้ ( 22 ธันวาคม ) จับภาพ ของนายเอเรนนาช แบร์รัค ยังใช้ชีวิตตามปกติ แต่มีการเดินออกมาบริเวณหน้าห้องพัก และชะโงกหน้ามองออกมาบริเวณด้าน ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องพักไป

ล่าสุดผู้สื่อได้ลงพื้นที่ ลงพื้นที่ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ตาย จนกระทั่งไปที่บาร์เบียร์แห่งหนึ่ง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200-300 เมตร โดยได้พูดคุยกับ นางแก้ว นามสมมุติ อายุ 65 ปี เล่าว่า รู้จักกับผู้ตาย เพราะเธอชอบมานั่งที่บาร์เป็นประจำ โดยผู้ตายชื่อเล่นว่า เจนนี่ โดยก่อนหน้านี้ เธอได้มาขอทำงานที่ร้าน แต่ตนเองตอบปฏิเสธเพราะว่าผู้ตายเป็นคนติดเหล้า และต้องดื่มเหล้าตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ห้ามให้มานั่งเล่นที่ร้าน แต่แค่ครั้งนั้นที่มีการพูดคุยเธอได้ขอความช่วยเหลือช่วยหาห้องพัก ซึ่งตนเองก็ช่วยเปิดห้องพักให้ โดยสำรองเงินให้ 1,000 บาท ซึ่งห้องพักดังกล่าวอยู่ติดกับบาร์เบียร์ของตนเอง จนกระทั่ง วันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้ตาย กับชาวต่างชาติ คู่ขา ได้มานั่งดื่มที่ร้าน โดยฝ่ายชายได้ทำท่าทางปฏิเสธรัก ( ยกเท้าสะบัดไปมา ) พูดทำนองว่า “ ฉันไม่เอาเธอแล้ว ต่างคนต่างไป ” แต่ฝ่ายหญิงหันมาพูดว่า “ ฉันรักเขา ” ตนเองก็พยายามสอน ให้เธอทำใจ จนกระทั่งผ่านไป 3 วัน มาทราบข่าวว่าเธอกลายเป็นศพ ยอมรับว่าตกใจมาก โดยตนเองไม่เชื่อว่าเธอจะเสียชีวิตเอง และอยากขอให้ตำรวจ ช่วยทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง

 

 

 

ผู้สื่อข่าวได้ไป บาร์เบียร์ซึ่งเป็นที่ทำงานเก่าของผู้ตายอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร และ พูดคุยกับ นางสาวพิมพ์ นามสมมุติ อายุ 46 ปี เป็นอดีตเพื่อนร่วมงาน และเคยทำงานอยู่บาร์เบียร์แห่งเดียวกันกับผู้ตาย โดยนางสาวพิมพ์ ผู้ตายเป็นคนหน้าตาดี แต่ชอบดื่มเหล้าตลอดเวลา ( เป็นคนติดเหล้ามาก ) โดยประมาณวันที่ 17 ธันวาคม ผู้ตายได้มาหาที่ร้าน โดยใส่แมสปิดบังใบหน้า แต่มองผ่านแมสรู้ว่าเธอถูกทำร้ายมา โดยเธอได้มาเล่าให้แม่ครัวฟังว่า เธอถูกฝรั่งผิวสี ( นิโก ) ทำร้ายมาจากย่านจอมเทียนสาย 2 แต่ก็ไม่ได้มีใครเอะใจอะไร ส่วนชาวไอซ์แลนด์ที่คบหาอยู่ในปัจจุบัน เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์ ซึ่งผู้ตายยืนยันว่าฝรั่งรายนี้ไม่ได้เป็นคนทำร้าย แต่ก็รู้สึกแปลกใจที่ ผู้ตายไปเสียชีวิตอยู่ในห้องชาวไอซ์แลนด์ พอเห็นสภาพศพก็ตกใจมาก ไม่คิดว่า นางสาวเจนนี่จะมาเสียชีวิตในสภาพแบบนี้

ผู้สื่อข่าวได้กล้องวงจรปิดไทม์ไลน์ของผู้ตาย โดยพบว่าวันที่ 16 ธันวาคม 18.50 น. ผู้ตายเดินเข้าไปในเก็ตเฮ้าส์พร้อมกับคู่ขาชาวไอซ์แลนด์ ส่วนกล้องวันที่ 18 ธันวาคม กล้องที่บาร์เบียร์แห่งหนึ่งใกล้กับจุดเกิดเหตุ จับภาพผู้ตายนั่งอยู่ภายในร้านตั้งแต่ช่วง 15.46 น. จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 18.26 น. จะเห็นว่าชาวไอซ์แลนด์ได้เข้ามาในร้าน และนั่งฝั่งตรงข้ามกับผู้ตาย จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 19.30 น. ทั้งคู่ได้หายออกจากร้านไป โดยผู้ตายเดินออกไปก่อน จากนั้นชาวไอซ์แลนด์ก็เดินตามออกไป จนกระทั่งมาพบผู้ตายเป็นศพขึ้นอืดอยู่ภายในห้องพัก

 

 

อนันต์ กิ่งสร ทิวากร กฤษมณี ผู้สื่อข่าว จ.ชลบุรี